โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย
(ตอนจบ .. ไอ้ตัวกินส้น, นักภาษาศาสตร์จำเป็น)
วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ตอนเช้าเสร็จจากทานข้าวยำรองท้องแล้ว อีสานพลัดถิ่นสามคนคือน้องหมัด, น้องโล่ยและน้องเซนมาชวนเราไปเดินช็อปปิ้งเป็นการทิ้งทวน คราวนี้เดินกันไกลลิบถึงมัสญิดญินเพราะมีของที่จะต้องซื้อคนละหลายอย่าง โดยเฉพาะน้องหมัดกับน้องโล่ยตั้งเป้าจะซื้อผ้าห่มหนาสองผืนไปฝากคนขี้หนาวคนไหนก็ไม่รู้ ขากลับแต่ละคนจึงต้องหอบหิ้วของกันมาพะรุงพะรังไปหมด ...
พอมาถึงหน้าประตูห้องพัก อะฉะกับมุหัมมัดสามีฃาวอียิปต์ซึ่งตั้งใจมาเยี่ยมพวกเราก็หิ้วเนื้อแกะแช่แข็งกับผลไม้เดินตามหลังเรามาพอดี จึงได้ขึ้นไปในห้องพักพร้อมกัน ...
ก่อนจะกลับอะฉะนำเราไปเดินซื้อเสื้อโต้ปยี่ห้ออิก้าฟให้เรากับบังสันคนละตัว และซื้อฝากไปให้ดลเลาะฮ์น้องชายที่ประเทศไทยอีกสองตัว ส่วนเราได้มอบข้าวหอมมะลิอย่างดีหนึ่งถุง, ซ็อสพริกโรซ่าหนึ่งถุงพร้อมหยูกยาหลายอย่างให้อะฉะไปใช้ที่บ้านยามจำเป็น ...
หลังนมาซมัคริบ พวกเรา 4 คนถือแกลลอน 5 ลูกไปรองน้ำซัมซัมที่ลานหน้ามัสญิดหะรอม แต่มีคนแย่งกันรองน้ำจำนวนมากแถมน้ำก็ไหลช้า น้องหมัดกับน้องเซนจึงถือแกลลอนคนละลูกแยกไปรอคิวทางด้านหนึ่ง ส่วนเราถือแกลลอนสามลูกให้น้องแออดทนยืนรอจนสุดท้ายก็ยึดก๊อกน้ำได้อันหนึ่งแล้วจึงเปิดก็อกรองน้ำทีละแกลลอน ทีละแกลลอน(ใครจะว่าเห็นแก่ตัวก็ยอมเพราะคนอื่นก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน) พอเต็มก็ส่งมาให้เราทางด้านหลัง จนได้น้ำซัมซัมครบทั้งสามแกลลอน ...
ส่วนที่เหลืออีกสี่แกลลอน ปรึกษากันว่าพรุ่งนี้ก่อนนมาซซุบห์ จะค่อยมาเอาจนได้ครบทุกคนทั้ง 9 คน ...
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ในที่สุดเช้ามืดวันนี้เราก็ได้น้ำซัมซัมครบสี่แกลลอนที่เหลืออย่างสะดวกโยธิน ...
สังเกตดูช่วงนี้หลังจากการทำหัจญ์ผ่านพ้นไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว ผู้คนลดหายไปอย่างรวดเร็ว คาดว่าคงเหลือตกค้างอยู่อีกไม่เกินหนึ่งล้านคน ...
กำหนดการกลับของพวกเราวันพุธนี้ก็คือ หลังนมาซซุบห์เสร็จก็ลงฏอว้าฟวะดาอฺหรือฏอว้าฟอำลาบัยตุลลอฮ์เลย จากนั้นรถบัสก็จะมารับพวกเรายังโรงแรมที่พักประมาณเก้าหรือสิบโมงเช้าเป็นอย่างช้าเพื่อเดินทางไปสนามบินที่ญิดดะฮ์ต่อไป ...
ตอนนี้งานหลักของพวกเราทุกคนคือ การจัดกระเป๋าและสัมภาระต่างๆอย่างคร่ำเคร่งเพื่อให้ลงตัว โดยเฉพาะส่วนที่ต้องโหลดลงท้องเครื่องบินซึ่งน้ำหนักรวมจะต้องไม่เกิน 270 กิโลกรัม ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบกระเป๋าของแต่ละคนเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าน้ำหนักโดยรวมแล้วคงไม่เกินโควตา เพราะที่มองว่าซื้อของเพิ่มมากที่สุดคือน้องหมัดกับน้องโล่ย ก็อาจจะเกินไม่มากเท่าไหร่ เรียกว่าพอจะเฉลี่ยกันลงตัวแน่นอน ...
ในการมาทำหัจญ์คราวนี้ ประสบการณ์ที่เราอยากจะขอเตือนผู้เดินทางมาทำหัจญ์ทุกคนในปีต่อๆไปให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ มิใช่เป็นรถยนต์หรือนักกรีดกระเป๋า แต่เป็นสิ่งที่เราอยากตั้งชื่อให้มันว่า “อ้ายตัวกินส้น” หรือรถเข็นผู้ป่วยจำนวนมากที่เข็นปะปนมาพร้อมๆกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดกันแน่นบนท้องถนนหรือขณะเดินฏอว้าฟบัยตุ้ลลอฮ์ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายที่สุด เพราะเคยเห็นมากับตาว่ามีหลายต่อหลายรายแล้วที่โดนอ้ายตัวกินส้นที่ว่านี้อัดเอาจากด้านหลังจนส้นเหวอะหวะเลือดสาดร้องโอดโอยไปตามๆกัน
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นต้องเจ็บตัวฟรี เพราะไม่รู้จะเรียกร้องค่าเสียหายจากมันได้อย่างไร ...
เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่กำลังเดินฏอว้าฟหรือเดินเบียดกันบนท้องถนน ก็ให้แต่ละคนใช้ตาข้างหลัง(ถ้ามี) ระวังน่องตัวเองจากอ้ายตัวกินส้นนี้ให้ดีก็แล้วกัน ...
วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ตอนเช้ามืดวันนี้ ขณะที่เรากำลังนมาซตะฮัจยุดเพื่อรอนมาซซุบห์ที่ลานหลังคาห้องน้ำหน้ามัสญิดหะรอมพร้อมกับพรรคพวก จู่ๆก็มีสามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งมาปูผ้าสัจญดะฮ์แล้วนั่งแหมะลงข้างๆเรา ...
จนเรานมาซตะฮัจยุดเสร็จจึงชวนแกสนทนาเป็นการปูทางก่อนที่จะแนะนำให้ภรรยาของแกไปนั่งนมาซด้านหลังแถวเดียวกับผู้หญิงอื่นๆ โดยเราเริ่มถามแกเป็นภาษามลายูว่า เป็นคนอินโดนีเซียหรือ ? ...
ภรรยาของแกซึ่งนั่งใกล้เราคงจะรู้โดยสัญชาติญาณว่าถูกถามเรื่องสัญชาติเมื่อได้ยินคำว่าอินโดนีเซีย จึงตอบซื่อๆพอฟังออกว่า คอมบูเชีย (กำพูชา) ...
อัลหัมดุลิลลาฮ์ วันก่อนเพียงแต่เห็นผ่านๆว่าเป็นพี่น้องมุสลิมเขมร วันนี้ได้เจอตัวจริงเข้าแล้ว ...
เราจึงถามต่อไปว่า พูดมลายูได้ไหม ? ...
ทั้งสองหันมามองหน้ากันเองแล้วส่ายหน้าเชิงบอกใบ้ว่าฟังไม่รู้เรื่อง ...
เราจึงถามเป็นภาษาอาหรับว่า มากันหลายคนไหม ? ทั้งสองส่ายหน้าอีก ...
เราไม่ละความพยายาม เปลี่ยนคำถามเดิมจากภาษาอาหรับมาเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งสองก็ส่ายหน้าอีก ...
คราวนี้ที่ส่ายหน้าไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าคงเป็นเพราะฟังสำเนียงภาษาอังกฤษแบบสเน็คๆฟิชๆ(งูๆปลาๆ)ของเราไม่ออกแน่เลย ...
เราจึงใช้ไม้ตาย หันมาถามเป็นภาษาพ่อภาษาแม่ของเราบ้างว่า คุณทั้งสองพูดไทยได้ไหม ? .. ก็เหลวอีก ...
ตกลงเลยไม่รู้จะแนะนำแกยังไงว่า ให้ภรรยาแกไปนั่งนมาซด้านหลัง เพราะเราดันพูดภาษาเขมรไม่เป็นซะด้วย ...
รู้แต่ศัพท์สะแลงภาษาเขมรว่า เวลาคนขับรถลงจอดฉี่ข้างทาง ถ้าเป็นผู้หญิง เขมรจะบอกว่าลงไปทอดแห ถ้าเป็นผู้ชาย เขมรจะบอกว่า ลงไปหักคอเด็ก ...
แต่เอ๊ะ นี่เราพูดถามสามีภรรยาคู่นี้ได้ถึง 4 ภาษาเชียวรึ ? ไม่เลวแฮะ ...
วันนี้พวกเราทุกคนจัดกระเป๋ากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะชั่งน้ำหนักทดสอบกันจริงๆ คิดว่าน้ำหนักรวมน่าจะผ่านหรือหากจะเกินก็คงไม่มาก ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดคือ พอชั่งดูแล้วน้ำหนักรวมทั้งหมดแค่ 254 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าผ่านฉลุย อัลหัมดุลิลลาฮ์ ...
ตอนค่ำพวกเราวางแผนกันว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าก่อนรถมารับ พวกเราจะทานข้าวยำรองท้องกันก่อน ส่วนข้าวห่อก็จะผัดขิงไก่กับไข่ดาวคนละ 2 ฟองไว้เป็นข้าวมื้อเที่ยงที่ญิดดะฮ์ก่อนขึ้นเครื่องบิน ส่วนมื้อค่ำเราไม่ห่วงเพราะยังไงๆทางเครื่องบินต้องเลี้ยงข้าวพวกเราอยู่แล้ว ...
วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เราเริ่มเขียนบันทึกนี้เมื่อเวลา 20 นาฬิกาหรือสองทุ่มของคืนวันพุธพอดี .. หลังจากกลับมาจากนมาซมัคริบและนมาซอิชาอ์ที่มัสญิดหะรอม ...
เราเริ่มเขียนบันทึกนี้เมื่อเวลา 20 นาฬิกาหรือสองทุ่มของคืนวันพุธพอดี .. หลังจากกลับมาจากนมาซมัคริบและนมาซอิชาอ์ที่มัสญิดหะรอม ...
พรุ่งนี้แล้วที่เราจะได้เดินทางกลับบ้านเสียทีหลังจากที่ต้องจากบ้าน, จากลูกเมีย, จากโรงเรียน, จากลูกศิษย์, จากเพื่อนครู, จากเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องมาเนิ่นนาน ...
รวมเวลาที่เราเดินทางมาทำหัจญ์คราวนี้ 48 วันพอดี ...
กำหนดการในการเดินทางกลับของพวกเราพรุ่งนี้ตามที่เราทราบมาก็คือ ตอนเช้ามืดก่อนไปมัสญิด ให้พวกเราขนสัมภาระทั้งหมดที่ต้องโหลดลงท้องเครื่องบิน ออกไปวางไว้หน้าห้อง เพื่อให้พนักงานของโรงแรมได้ขนย้ายลงไปข้างล่างก่อนพวกเราจะกลับมาจากมัสญิด ...
ส่วนพวกเรา หลังจากนมาซซุบห์เสร็จแล้ว ก็ลงลานฏอว้าฟเพื่อฏอว้าฟอำลาบัยตุ้ลลอฮ์ (ที่เรียกกันว่า ฏอว้าฟวะดาอฺหรือฏอว้าฟวิดาอฺ)เลย ...
จากนั้นกลับมาทานข้าวที่ห้องพัก และรอรถจะมารับพวกเราเดินทางออกจากที่พักมุ่งสู่สนามบินญิดดะฮ์เวลาประมาณ 9.30 น. ต่อไป ...
ส่วนการตรวจสอบหุจญาจญ์ขาออกของ ตม.ที่สนามบินญิดดะฮ์ก็คงจะอืดอาดและเฉื่อยชาเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ไม่อยากจะอธิบายให้เสียเวลา ณ ที่นี้ ...
และบัดนี้ก็ถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่โน้ตบุ้คเครื่องนี้ จะยุติบทบาทในการรับใช้เราช่วยบันทึกความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับการเดินทางมาทำหัจญ์ในปีพ.ศ. 2555 นี้ ...
ขอขอบคุณพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ที่ให้เราได้มีโอกาสเดินทางมาทำหัจญ์แทบทุกปีด้วยความปลอดภัยทั้งไปและกลับ ...
ขอขอบคุณหุจญาจญ์ทุกท่านที่กรุณาไว้วางใจให้เราได้รับใช้ ด้วยการนำพวกท่านมาปฏิบัติพิธีกรรมหัจญ์ที่ถูกต้องตามซุนนะฮ์ของท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมให้มากที่สุดเท่าที่เรามีความสามารถจะทำได้ ...
ขอขอบคุณน้องๆ, หลานๆ, พี่ๆ และเพื่อนฝูงทุกคนที่ให้การอุปการะในด้านค่าใช้จ่ายและด้านอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆแก่เราเสมอมาทุกปี ...
ขอขอบคุณน้องเล็ก ภรรยาของเราที่ยืนเคียงข้างและคอยเป็นกำลังใจให้เราตลอดมา ...
ที่จะขาดเสียมิได้ก็คือ อ.ฮาบีบุลลอฮ์ ศรีอุทัยลูกชายของเราที่พยายามหาทุนช่วยเหลือพี่ๆของเราซึ่งเป็นลุงของตัวเอง ให้ได้เดินทางมาทำหัจญ์ทุกปีจนแทบจะครบหมดทุกคนแล้ว ...
جَزَاكُمُ اللهُ خَيْرَالْجَزَاءِ
และ .. อินชาอัลลอฮ์ .. ปีหน้าเราก็จะกลับมาทำหัจญ์ที่มักกะฮ์อีก ...
อ. มะห์มูด (ปราโมทย์) ศรีอุทัย ...
นครมักกะฮ์ ...
คืนวันพุธ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น