อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จับเท็จชีอะฮ์ (ตอนที่ 3)


โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทั

และแม้กระทั่งในภาคศรัทธาของชีอะฮ์ ก็มีมากมายหลายเรื่องที่เป็นการบิดเบือนความจริงและมีอยู่หลายเรื่องที่ “เกินจริง” จนทำใจรับไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ...
1. คำกล่าวของท่านกุลัยนีย์ – บุคอรีย์ของชีอะฮ์ – ในหนังสืออุศูลอัล-กาฟีย์ เล่มที่ 1 หน้า 258 กิตาบอัล-หุจญะฮ์ที่ว่า ...
أَنَّ اْلأَئِمَّةَ عَلَيْهِمُ السَّلاَمُ يَعْلَمُوْنَ مَتَى يَمُوْتُوْنَ، وَأَنَّهُمْ لاَ يَمُوْتُوْنَ إِلاَّ بِاخْتِيَارٍ مِنْهُمْ
บาบว่าด้วยเรื่อง “แท้จริงบรรดาอิหม่าม (อ) รู้ว่าเมื่อไรพวกท่านจะตาย, และแท้จริงพวกท่านจะไม่ตายเว้นแต่ด้วยความสมัครใจของพวกท่านเอง” ...
ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ว่านี้ แล้วชีอะฮ์จะไปสาปแช่ง, ก่นด่า หรือประณามผู้ที่ฆ่าท่านอะลีย์หรือท่านหุเซ็น (อ) ทำไมในเมื่อทั้งสองท่านนั้นรู้แล้วว่าวันนั้นคือวันตายของท่าน แล้วท่านก็สมัครใจไปให้เขาฆ่าให้ตายเอง ? ...
ถ้าจะอ้างแบบข้างๆคูๆว่า ที่ทั้งสองท่านยอมไปให้เขาฆ่า ก็เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. (ดังที่เช็คกุลัยนีย์อ้างว่าเป็นคำพูดของท่านอะลีย์ (อ) ในหะดีษที่ 4 หน้า 259 จากหนังสือเล่มดังกล่าว) ...
ฝ่ายผู้ฆ่าก็อาจจะอ้างแบบข้างๆคูๆได้เช่นเดียวกันว่า ที่เขาฆ่าก็เป็นไปตามการกำหนดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ...
เพราะถ้าพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ไม่ได้กำหนดไว้ ต่อให้พยายามยังไงเขาก็คงจะฆ่าท่านอะลีย์และท่านหุเซ็น (อ)ไม่ได้แน่นอน ...
ก็ในเมื่อผู้ถูกฆ่า เต็มใจที่จะให้เขาฆ่า และฝ่ายฆ่าก็ลงมือฆ่า (โดยทั้งสองฝ่ายอ้างว่าเป็นการกำหนดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เหมือนกัน) จึงอยากขอถามชีอะฮ์ว่า ...
การที่ชีอะฮ์ไปตำหนิหรือประณามฝ่ายฆ่าเพียงฝ่ายเดียวจะถูกต้องหรือในเมื่อพฤติกรรมของทั้งสองฝ่ายมีลักษณะคล้ายเป็นการสมยอมกัน ? ...
เพราะฉะนั้น ถ้าชีอะฮ์มีใจเป็นธรรมจริง แทนที่จะประณามผู้ฆ่าเพียงฝ่ายเดียว ชีอะฮ์ก็ควรจะตำหนิท่านอะลีย์และท่านหุเซ็น (อ) ด้วยว่า การที่ท่านเดินทางไปให้เขาฆ่าโดยรู้ล่วงหน้าว่าวันนี้คือวันตาย และท่านก็สมัครใจที่จะให้เขาฆ่าให้ตาย ก็เท่ากับว่าทั้งสองท่านเจตนาฆ่าตัวตายมิใช่หรือ ? ...
ชีอะฮ์อาจจะเชื่อก็ได้ว่า ท่านอะลีย์และท่านหุเซ็น (อ) รู้ล่วงหน้าแล้วว่าท่านจะต้องตายเพราะถูกฆ่าในวันนั้น แต่ท่านก็เต็มใจจะไปให้เขาฆ่าให้ตายเพื่อสนองการกำหนดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ...
แต่สำหรับผมและมุสลิมจำนวนค่อนโลก ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าท่านอะลีย์และท่านหุเซ็น (อ) จะรู้ล่วงหน้าวันตายของตัวเองและสมัครใจไปตาย ...
และเราก็มั่นใจอีกด้วยว่า หากทั้งสองท่านรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องไปตาย หัวเด็ดตีนขาดท่านก็คงไม่ยอมเดินทางไปให้เขาฆ่าแน่ๆ ...
2. หรืออย่างการบันทึกของสุลัยม์ บินก็อยซ์ อัล-อามิรีย์ อัล-ฮิลาลีย์ อัล-กูฟีย์ โดยอ้างว่าเป็นคำพูดของท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่กล่าวแก่ท่านอะลีย์ (อ)ว่า ..
يَا عَلِىُّ! أَنْتَ عِلْمُ اللهِ بَعْدِيْ، اْلأَكْبَرُ فِى اْلأَرْضِ، وَأَنْتَ الرُّكْنُ اْلأَكْبَرُ فِى الْقِيَامَةِ، فَمَنِ اسْتَظَلَّ بِفَيْئِكَ كَانَ فَائِزًا، ِلأَنَّ حِسَابَ الْخَلاَئِقِ إِلَيْكَ، وَمَآَبَهُمْ إِلَيْكَ، وَالْمِيْزَانَ مِيْزَانُكَ، وَالصِّرَاطَ صِرَاطُكَ ....................
“อะลีย์เอ๋ย ท่านคือความรู้ของพระองค์อัลลอฮ์หลังจากฉัน, เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นพิภพนี้, ท่านคือหลักใหญ่ที่สุดในวันกิยามะฮ์(วันฟื้นคืนชีพ) ผู้ใดที่แสวงหาร่มเงาด้วยร่มเงาของท่าน เขาคือผู้โชคดี, เพราะการชำระบรรดามัคลูก(สรรพสิ่งทั้งหลาย)ถูกมอบหมายต่อท่าน, การกลับของพวกเขาคือการกลับมายังท่าน, ตราชูแห่งการชำระก็เป็นตราชูของท่าน, ศิรอฏ(สะพาน) ก็เป็นศิรอฏของท่าน ................”
(จากหนังสือของสุลัยม์ บินก็อยซ์ หน้า 245) ...
หมายเหตุ หนังสือของสุลัยม์ บินก็อยซ์ฉบับนี้ ผู้เขียนซึ่งเป็นชีอะฮ์ท่านนั้นยกย่องเสียเลิศลอยว่า เป็นตำราที่ถูกต้องที่สุดฉบับหนึ่งของชีอะฮ์ซึ่งถูกยอมรับจากนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของชีอะฮ์จำนวนมาก ...
เพราะฉะนั้น หะดีษข้างต้นนี้ จึงเป็นหะดีษที่เศาะเหี๊ยะห์อีกบทหนึ่งตามทัศนะนักวิชาการจำนวนมากของชีอะฮ์ ...
จะเห็นได้ว่า คุณสมบัติทั้งหมดดังที่มีระบุในหะดีษที่ถูกต้องสำหรับชีอะฮ์บทนี้ ไม่ว่าการกล่าวว่าอะลีย์คือหลักใหญ่ที่สุดในวันกิยามะฮ์ก็ดี, มนุษย์สามารถอาศัยร่มเงาจากท่านอะลีย์ในวันกิยามะฮ์ก็ดี, ท่านอะลีย์คือผู้ถูกมอบหมายให้ตัดสินชำระบาปบุญของมนุษย์ในวันกิยามะฮ์ก็ดี, การฟื้นคืนชีพของมนุษย์ในวันกิยามะฮ์คือการกลับไปหาท่านอะลีย์ก็ดี ...
ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติโดยเฉพาะของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ทั้งสิ้น .. ดังหลักฐานจากอัล-กุรฺอานและอัล-หะดีษที่กำลังจะถึง ...
เพราะฉะนั้นผมจึงถือว่า ชีอะฮ์เลวร้ายมากที่บังอาจนำท่านอะลีย์ไปเทียบเท่าหรือเสมอเหมือนพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ในการทำหน้าที่ชำระหรือตัดสินความดีความชั่วของมนุษย์ในวันกิยามะฮ์ และยังเป็นการลบหลู่เกียรติและศักดิ์ศรีของท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งพวกเราถือว่า ในวันกิยามะฮ์นั้น ท่านมีความสำคัญและยิ่งใหญ่กว่าท่านอะลีย์หลายเท่านัก ...
แต่พอถึงวันฟื้นคืนชีพ ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กลับถูกชีอะฮ์ลดเกียรติให้กลายเป็นเพียง “ไม้ประดับ” ของท่านอะลีย์เท่านั้น ...
มุสลิมที่มีอีหม่านทุกคนเชื่อว่า พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เพียงพระองค์เดียวคือผู้ทรงอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินความดีความชั่วของมนุษย์ หาใช่ท่านอะลีย์หรือแม้กระทั่งท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมผู้มีความสำคัญยิ่งกว่าท่านอะลีย์ไม่ ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงดำรัสในซูเราะฮ์อัล-ฟาติหะฮ์ อายะฮ์ที่ 4 ว่า ...
مَالِكِ يَوْمِ الدِّيْنِ
“(พระองค์)คือ ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งวันตอบแทน (คือวันกิยามะฮ์)”
และทรงดำรัสในซูเราะฮ์อัล-อินฟิฏอรฺ อายะฮ์ที่ 18-19 อีกว่า ...
ثُمَّ مَا أَدْرَاكَ مَايَوْمُ الدِّيْنِ * يَوْمَ لاَ تَمْلِكُ نَفْسٌ لِنَفْسٍ شَيْئًا وَاْلأَمْرُ يَوْمَئِذٍ ِللهِ
“แล้วอันใดจะทำให้เจ้ารู้ว่า วันแห่งการตอบแทนคืออะไร ? (คือ) วันซึ่งชีวิตหนึ่งไม่มีสิทธิ์ช่วยเหลือแก่อีกชีวิตหนึ่ง และภารกิจในวันนั้น เป็นสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์(เพียงองค์เดียว)”
มุสลิมผู้มีอีหม่านทุกคนเชื่ออีกว่า ร่มเงาที่มนุษย์จะแสวงหาเป็นที่พักพิงได้ในวันฟื้นคืนชีพหรือวันกิยามะฮ์ ไม่มีร่มเงาอื่นใดอีกนอกจากร่มเงา(บัลลังก์)ของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ...
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ. ได้รายงานจากท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า ...
سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمُ اللهُ فِىْ ظِلِّهِ يَوْمَ لاَ ظِلَّ إِلاَّ ظِلُّهُ ...................
“คนเจ็ดประเภทซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. จะให้พวกเขาได้พำนักภายใต้ร่มเงา(บัลลังก์)ของพระองค์ ณ วันซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆ(หลงเหลืออยู่) นอกจากร่มเงา(บัลลังก์)ของพระองค์เท่านั้น ...........”
(บันทึกโดย ท่านบุคอรีย์ หะดีษที่ 660 และท่านมุสลิม หะดีษที่ 1031) ...
คำว่า ณ วันซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆ(หลงเหลืออยู่) นอกจากร่มเงา(บัลลังก์)ของพระองค์เท่านั้น บ่งบอกความหมายชัดเจนว่า ในวันฟื้นคืนชีพหรือวันกิยามะฮ์ จะไม่มีร่มเงาของท่านอะลีย์หรือร่มเงาของอะไรหรือของใครหลงเหลืออยู่อีกทั้งสิ้น นอกจากร่มเงาแห่งบัลลังก์ของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่พระองค์จะประทานให้แก่บุคคล 7 ประเภทดังที่มีระบุในหะดีษบทนั้น ...
และมุสลิมผู้มีอีหม่านทุกคนเชื่ออีกว่า ผู้ที่มนุษย์ทุกคนจะกลับไปหาในวันฟื้นคืนชีพก็คือพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.เท่านั้น และผู้ทรงสิทธิ์ในการชำระบาปบุญของมนุษย์ทุกคนก็คือพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.เพียงพระองค์เดียวอีกเช่นกัน หาใช่ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมหรือท่านอะลียไม่ ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงดำรัสในซูเราะฮ์ อัล-ฆอชิยะฮ์ อายะฮ์ที่ 25-26 ว่า ...
إِنَّ إِلَيْنَا إِيَابَهُمْ ثُمَّ إِنَّ عَلَيْنَا حِسَابَهُمْ
“แท้จริง ยังเราเท่านั้นคือการกลับของพวกเขา และแท้จริง(เป็น)หน้าที่ของเราเท่านั้นในการชำระพวกเขา” ...
เพราะฉะนั้น การอ้างหะดีษข้างต้นว่าเป็นคำพูดของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงเป็นการกุเท็จของชีอะฮ์ให้แก่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อย่างชัดเจน ...
ในเมื่อชีอะฮ์หน้าด้านพอที่จะลบหลู่และกุความเท็จให้แก่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมในเรื่องนี้ (และอีกหลายๆเรื่อง)ได้อย่างหน้าตาเฉยและไม่ละอายต่อบาป ...
แล้วพวกเราจะเฉลียวคิดบ้างไหมว่า ทำไมชีอะฮ์จะไม่กล้ากุความเท็จให้แก่วงศ์วารผู้บริสุทธิ์ท่านอื่นๆของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อาทิเช่นท่านอะลีย์, ท่านหะซัน, ท่านหุเซ็น, ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์, ท่านอะลีย์ ซัยนุ้ลอาบิดีน, ท่านมุหัมมัด อัล-บากิรฺ ท่านญะอฺฟัรฺอัศ-ศอดิก เป็นต้น .. ไม่ได้ ?...
(ขอพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. โปรดประทานความเมตตาและความสันติสุขแก่พวกท่านด้วยเถิด) ...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น