อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559

การร่วมงานเค๊าดาน์ว



ตอบโดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย

ถาม
อัสสลามุอะลัยกุม
มีคำถามอีกแล้วครับ เป็นคำถามที่สังคมมุสลิมต้องกระจ่าง
๑.การร่วมงานเค๊าดาน์ว(ส่งท้ายปีเก่า)มุสลิมเข้าร่วมได้หรือไม่
๒.มุสลิมแลกของขวัญในเทศกาลปีใหม่ได้หรือไม่
๓.ในวันเด็ก เยาวชนมุสลิมครูให้มีการจับฉลากของขวัญ(โดยของขวัญนั้นนักเรียนไปหาซื้อมาแล้วนำมาจับฉลากกัน)ได้หรือไม่
หมายเหตุ รบกวนอาจารย์อธิบายกรณีการจับฉลาก และการแลกของด้วยครับ
ญะซากัลลอฮุคอยรอน

ตอบ
วะอลัยกุมุสสลามครับ ..
เรื่องของงานวันปีใหม่ในทัศนะของผม (เป็นทัศนะส่วนตัว อาจจะผิดก็ได้) ผมมองว่าไม่น่าจะมีที่มาจากศาสนา แต่น่าจะเป็นค่านิยมสากลของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้มากกว่า ยกเว้นมุสลิมเรา
หลักฐานข้อนี้เราจะเห็นถึงความแตกต่างและไม่เป็นเอกภาพในรูปแบบการจัดงานปีใหม่ของแต่ละชุมชนหรือแต่ละประเทศซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเน้นเรื่องการเลี้ยงอาหารกันเป็นหลัก
จะอย่างไรก็ตาม สำหรับมุสลิมเรา แม้ว่างานฉลองปีใหม่จะไม่ได้มีที่มาจากศาสนาใด แต่เป็นงานรื่นเริงที่อยู่นอกกรอบของหลักการอิสลามซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ได้ทรงกำหนดวันรื่นเริงสำหรับมุสลิมไว้แล้ว 2 วันคือวันอีดิ้ลฟิฎรีย์และวันอีดิ้ลอัฎหาอ์ มาทดแทนวันรื่นเริงเดิม 2 วันของพวกยิวก่อนหน้านี้
ด้วยเหตุนี้มุสลิมเราจึงไม่สมควรที่จะไปร่วมแจมฉลองปีใหม่กับพวกเขาด้วย..
เพราะสมมุติถ้าการไปร่วมในงานรื่นเริงของของชาวยิวหรือชนกลุ่มอื่นเป็นที่อนุญาต
ทำไมพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ต้องเอาวันอีดทั้งสองมา "ทดแทน" วันรื่นเริงเดิมของชาวยิวด้วยทั้งๆที่มันก็เป็นแค่วันปีใหม่และวันคล้ายๆวันแห่งความรักตามประเพณีนิยมของพวกเขาเท่านั้น
มิใช่เป็นวันพิธีกรรมศาสนาของพวกเขา
ดังนั้น หากพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.แค่อนุญาตให้มุสลิมพลอยไปร่วมสนุกกับพวกเขาได้ แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มวันรื่นเริงให้มุสลิมเป็นพิเศษอีก 2 วันก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรือเป็นความผิดมิใช่หรือ? ..
การนำวันอีด 2 วันมาทดแทนวันรื่นเริงเดิมของพวกเขา จึงเท่ากับเป็นการ "ห้าม" ไปพลอยร่วมสนุกกับพวกเขาโดยปริยายนั่นเอง ..
เพราะฉะนั้น การที่มุสลิมเราพลอยแสดงความรืนเริงหรือถือโอกาสในวันปีใหม่แจกของขวัญหรือจับฉลากของขวัญกัน ผมจึงไม่เห็นด้วยครับ ไม่ใช่เพราะการแจกของขวัญหรือจับฉลากของขวัญเป็นที่ต้องห้ามนะครับ
แต่ "กาละเทศะ" การแจกหรือการจับของขวัญที่เจตนาจัดขึ้นในวันปีใหม่ต่างหากที่ไม่ค่อยจะถูกต้องดังเหตุผลที่ได้อธิบายมาแล้ว
วัลลอฮุ อะอฺลัมครับ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น