อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

ฮาดิษ73จำพวก (72+1=1 หรือ 73-72=1)


:
ตอบโดย อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย

ถาม
อาจารย์ครับ ขอถามนอกประเด็นหน่อยน่ะครับ
เกี่ยวกัยฮาดิษ73จำพวก แต่มีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า
72+1=1. ตามหลักฮาดิษแล้วตรงนี้มีรายละเอียดยังไงครับ

ตอบ
ความจริงหะดีษที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า อุมมะฮ์ของฉันจะแตกออกเป็น 73 จำพวก ถือว่าชัดเจนที่สุดแล้วในแง่ความหมาย ..
คือเป็นการบอกกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการพยากรณ์) ว่า ต่อไปประชาชาติหรืออุมมะฮ์ของท่านจะมีผู้ที่มีความเชื่อด้านอะกีดะฮ์หรือการปฏิบัติที่ออกนอกกรอบของอิสลามที่ท่านเองและเศาะหาบะฮ์ของท่านเคยเชื่อและเคยปฏิบัติเป็นแบบอย่างไว้ ถึง 72 จำพวกด้วยกัน ซึ่งทั้ง 72 จำพวกเหล่านี้ถือว่าเป็นพวกที่หลงผิดทั้งสิ้น แต่จะเป็นคนกลุ่มใดบ้างนั้น พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.เท่านั้นจะทรงทราบชัดเจน ยกเว้นเพียงกลุ่มเดียวที่รอดพ้น คือกลุ่มที่เชื่อและปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านและเศาะหาบะฮ์ของท่านเคยเชื่อและเคยปฏิบัติไว้
ซึ่งสิ่งที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวไว้นี้ไม่มีมุสลิมคนใดกล่าวหาว่า ท่านนบีย์ต้องการ "ชี้นำ" ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นหรอกครับ ท่านเพียงแต่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่า เหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อชี้นำให้อุมมะฮ์ของท่านปลอดภัยด้วยการเชื่อและปฏิบัติตามสิ่งที่พวกท่านเคยเชื่อหรือกระทำไว้ก่อนเท่านั้น ..
ก็คงเหมือนกับอีกหลายๆเรื่องที่ท่านเคยกล่าวตักเตือนล่วงหน้าไว้ในลักษณะที่คล้ายๆกันนี้ แล้วยังมีผู้ฝ่าฝืนจนได้ ..
ส่วนสมการอะไรอย่างที่มีผู้อ้างกันมาในเรื่องนี้นั้น ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เป็นสูตรของสมการแบบไหนจึงออกมาในลักษณะนั้น ก็ให้ไปถามผู้กล่าวดูเองดีกว่าครับว่า สูตรสมการอย่างนี้ ท่านได้แต่ใดมา ...

ถาม
ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ จะทำให้จิตใจเราสงบ .. ผมคงจะตั้งคำถามผิดสินะครับ เพราะประเด็นที่ว่า นบีบอกว่าจะเกิดมันก็ต้องเกิดแน่นอน ประเด็นนี้ไม่มีใครปฏิเสธแน่นอน (หากปฏิเสธอาจถึงขั้นกุฟร) เพียงแต่ประเด็นความขัดแย้งในการเข้าใจหะดิษ 73 จำพวกตอนนี้มันอยู่ที่ว่า
มีอาจารย์กลุ่มนึงใช้หะดิษนี้เป็นหลักฐานเพื่่อส่งเสริมให้ผู้คนต้องแตกแยก และกล่าวว่า ท่านนบีบอกว่าจะแตกเราก็ต้องแตก บอกทำนองที่ว่าเหมือนว่าท่านนบีส่งเสริมให้ประชาชาติต้องแตกแยกกัน
จึงมีอ.ท่านนึงมาแย้งว่า นบีบอกว่าจะเกิดขึ้น แต่ไม่ได้สั่งให้แตกแยกกัน ดังเช่นสัญญาณกิยามัตทั้งหลายเช่น คนทำซินากลางถนน มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ท่านนบีไม่ได้สนับสนุนให้เราต้องเป็นอย่างเช่นในชนกลุ่มนั้น
ประเด็นมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ใช่ประเด็นความขัดแย้งของหะดิษ 73 จำพวกนี้ครับ เพราะทุกฝ่ายก็เชื่อว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ที่ขัดแย้งคือ เป้าหมายของหะดิษนี้ตังหากครับ ผมจึงอยากทราบว่าตกลงฝ่ายไหนกันแน่ที่เข้าใจถูกต้องมากกว่ากัน

ปราโมทย์ ศรีอุทัย ตอบ ...

อาจารย์ที่อ้างหะดีษนี้เป็นหลักฐานเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนแตกแยกผิดแน่นอน เพราะการแตกแยกเป็นสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ทรงห้ามในอัล-กุรฺอาน ซูเราะฮ์อัล-อันฟาล อายะฮ์ที่ 46, และพระองค์ทรงสั่งให้เรา "หาทางออก" จากความขัดแย้งในซูเราะฮ์อัน-นิซาอ์ อายะฮ์ที่ 59 และหะดีษอีกมากมายหลายบทที่ท่านนบีย์ห้ามจากการแตกแยกกันซึ่งผมจะไม่กล่าวถึง ณ ที่นี้ สรุปแล้ว การสร้างความแตกแยกเป็นเรื่อง "ต้องห้าม" ในศาสนา แต่ที่พูดมานี้ มิได้หมายความว่า ห้ามเราพูดความจริงในเรื่องศาสนาเพราะกลัวจะแตกแยก ผมเคยพูดอยู่เสมอว่า การเผยแพร่ซุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลุลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเป็นวาญิบ แต่การสร้างความแตกแยกเป็นเรื่องต้องห้ามหรือหะรอม เพราะฉะนั้น ปัญหาก็คือ "เราจะทำสิ่งวาญิบ(เผยแพร่ซุนนะฮ์)อย่างไร จึงจะไม่นำไปสู่สิ่งหะรอม (การแตกแยก)" ??? ... นี่คือ สิ่งที่ผมขอฝากไว้ให้แก่น้องๆที่ทำหน้าที่ "ดาอีย์" ทุกคนให้ช่วยกันคิด ...
ปราโมทย์ ศรีอุทัย .. สำหรับในมุมมองของผม วิธีเดียวที่เราผู้เผยแพร่ซุนนะฮ์ จะกระทำได้เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายดังกล่าวก็คือ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ในซูเราะฮ์อัน-นะห์ลิ อายะฮ์ที่ 125 - ทั้ง "วิธีการเผยแพร่" และ "วิธีการโต้แย้ง" - อย่างเคร่งครัดที่สุด นั่นคือ "ในการเผยแพร่" ่ก็ให้เราเผยแพร่ซุนนะฮ์ด้วยความสุขุมรอบคอบ, ใช้จิตวิทยา, รู้จักกาละเทศะว่าสิ่งถูกต้องแต่ละอย่างนั้น เมื่อไรควรพูดและเมื่อไรไม่ควรพูด, ให้เผยแพร่ด้วยคำพูดที่สุภาพนิ่มนวล มีเหตุมีผล ไม่ใช้ใช้วิธีด่าว่าหรือก้าวร้าวรุนแรงต่อผู้เห็นต่าง, .. และ "ในการโต้แย้ง" พระองค์ก็สั่งไว้แล้วว่า ให้เรา "โต้แย้งด้วยวิธีการที่ดียิ่ง" .. คือไม่ใช่ไปด่าว่าหรือประณามผู้คิดต่างว่าหลงผิด จะต้องตกนรก ฯลฯ และจะต้อง รู้จักคำรพ(ไม่ใช่ยอมรับ)ความคิดต่างว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะผู้คิดต่างจากเราก็มีสิทธิ์เชื่อและปฏิบัติตามความเชื่อของเขาเช่นเดียวกับเรา เพราะฉะนั้น อย่าไป "ฟันธง" เป็นอันขาดว่า ความคิดเราเท่านั้นที่ถูกต้องที่สุด ความคิดใดที่ต่างจากความคิดเราแล้วผิดทั้งนั้น เพราะข้อเท็จจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ผู้ที่เห็นต่างกับเราในแทบทุกเรื่อง ไม่ใช่ชาวบ้านที่เราไปด่าว่าหรือก้าวร้าวเขา แต่ล้วนเป็นนักวิชาการ "ระดับโลก" ที่มีความรู้เหนือกว่าพวกเราทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้จึงมีอย่างเดียวคือ "ยึดมั่น" ในสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นความถูกต้องที่สุด แม้มันจะขัดแย้งกับทัศนะของนักวิชาการระดับโลกเหล่านั้นก็ตาม และสิ่งใดที่เราเห็นว่า "มันถูกต้องที่สุด" ในทัศนะของเราแล้ว ก็ชี้แจงหรือเผยแพร่ให้ผู้อื่นรับรู้ .. และเมื่อชี้แจงไปแล้ว ก็ถือว่าหมดหน้าที่ของเราแล้ว! ดังพระดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ในซูเราะฮ์อัล-ฆอชิยะฮ์ อายะฮ์ที่ 22 .. หลังจากนั้น ก็มอบให้พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เป็นผู้ตัดสินเขาเองในการกระทำของเขา ...
ปราโมทย์ ศรีอุทัย .. สรุปแล้ว หะดีษเรื่อง 73 จำพวก จึงมิใช่เป็นหะดีษ "เตือน" มิให้คนแตกแยกออกเป็น 73 จำพวก, และมิใช่เป็นหะดีษ "ส่งเสริม" ให้คนแตกแยกอย่างความเข้าใจของนักวิชาการบางท่าน แต่เป็นหะดีษที่เรียกว่า الإخبار بما يقع فى المستقبل คือแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ขณะเดียวกัน หะดีษบทนี้ก็แฝงคำเตือนไว้โดยปริยายให้มุสลิมทุกคน พยายาม "เชื่อมั่น" และ "ยึดมั่น" ในสิ่งที่ท่านศาสดาและเศาะหาบะฮ์ของท่านเคยเชื่อมั่นและยึดมั่นมาแล้ว เพราะนั่นคือกลุ่มชนเดียวเท่านั้นที่รอดพ้นจากความหลงผิดในวันอาคิเราะฮ์ ...
และ .. สิ่งสำคัญที่สุดในการเผยแพร่ "ความจริง" ที่จะไม่นำไปสู่ "ความแตกแยก" ก็คือ "วิธีการ" - ทั้งการเผยแพร่และการโต้แย้ง - จะต้องให้เป็นไปตามคำสั่งของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ในซูเราะฮ์อัน-นะห์ลิ อายะฮ์ที่ 125, อย่างเคร่งครัดที่สุด ...
ส่วนวิธีการที่อื่นจากนี้ ผมยังมองไม่เห็น .. ในสภาวะความขัดแย้งดังที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ครับ วัลลอฮุ อะอฺลัม ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น