ถาม
อัสลามูอาลัยกุม อาจารย์ ดิฉันขอรบกวนถามอาจารย์ เรื่อง หะดิษที่ว่า"การเลียนแบบกลุ่มชนใด ถือว่าเป็นชนกลุ่มนั้น" มีขอบเขตเพีบงใดค่ะ
เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา หรือความเชื่อ อยู่ในเงื่อนไขนี้ไหมค่ะ เช่น การนุ่งกางเกงยีน การใส่เน็คไท การสวมชุดคลุยตามชาวตะวันตก เป็นต้น และหากไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา หรือความเชื่อ แต่มีกำหนดวันที่แน่นอนทุปี เช่น การจัดงานวันเด็ก ที่ให้สำคัญแก่เด็กๆ เช่นนี้ถือเป็นการเลียนแบบและเพิ่มเติมในศาสนาหรือไม่ค่ะ
สำหรับวันปีใหม่ ที่ทำงานมีการจัดงานเลี้ยงมีการจับของขวัญเนื่องวันปีใหม่กัน พนักงานทั้งหมดที่เป็นมุสลิมเข้าร่วมจับของขวัญทั้งหมด ยกเว้นดิฉัน โดยเขาพูดว่าเจตนาไม่ใช่จับของขวัญเนื่องวันปีใหม่ แต่เพื่อแลกเปลียนสิ่งของกันเท่านั้น เพราะช่วงอื่นๆไม่มีโอกาสรวมตัวกันเช่นนี้ หากมีเจตนาเช่นนี้มุสลิมทำได้ใช่ไหมค่ะ
เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา หรือความเชื่อ อยู่ในเงื่อนไขนี้ไหมค่ะ เช่น การนุ่งกางเกงยีน การใส่เน็คไท การสวมชุดคลุยตามชาวตะวันตก เป็นต้น และหากไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา หรือความเชื่อ แต่มีกำหนดวันที่แน่นอนทุปี เช่น การจัดงานวันเด็ก ที่ให้สำคัญแก่เด็กๆ เช่นนี้ถือเป็นการเลียนแบบและเพิ่มเติมในศาสนาหรือไม่ค่ะ
สำหรับวันปีใหม่ ที่ทำงานมีการจัดงานเลี้ยงมีการจับของขวัญเนื่องวันปีใหม่กัน พนักงานทั้งหมดที่เป็นมุสลิมเข้าร่วมจับของขวัญทั้งหมด ยกเว้นดิฉัน โดยเขาพูดว่าเจตนาไม่ใช่จับของขวัญเนื่องวันปีใหม่ แต่เพื่อแลกเปลียนสิ่งของกันเท่านั้น เพราะช่วงอื่นๆไม่มีโอกาสรวมตัวกันเช่นนี้ หากมีเจตนาเช่นนี้มุสลิมทำได้ใช่ไหมค่ะ
ตอบ
วะอลัยกุมุสสลาม ..
หะดีษที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวไว้ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ใดที่เลียนแบบชนกลุ่มใด เขาก็คือส่วนหนึ่งของชนกลุ่มนั้นด้วย" เป็นหะดีษที่ถูกต้อง หรืออย่างน้อยก็หะซัน บันทึกโดยท่านอบูดาวูดและท่านอะห์มัด มีเป้าหมายเพื่อห้ามปรามมุสลิมมิให้ปฏิบัติสิ่งใดเป็นการเลียนแบบศาสนิกอื่น ในสิ่งที่เป็น "บทบัญญัติ" เฉพาะของศาสนานั้นๆ เช่นการโกนผม โกนคิ้ว แล้วสวมใส่จีวรเลียนแบบพระสงฆ์ในศาสนาพุทธ เป็นต้น หรือเลียนแบบการกระทำใดๆที่ศาสนิกของศาสนาอื่นได้ "ริเริ่ม" กระทำขึ้นมา จนสุดท้ายกลายเป็น "ประเพณีนิยม" เหมือนกับเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของศาสนานั้นไป เช่นการจัดงานวันเกิดอันเป็นการเลียนแบบวันคริสต์มาส, การสวมแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน, การตัดเค้กในวันแต่งงาน, การเฉลิมฉลองวันแห่งความรัก (วาเลนไทน์) ซึ่งเป็นประเพณีนิยมของชาวคริสต์ หากมุสลิมคนใดไปปฏิบัติตาม ก็ถือเป็นการเลียนแบบชาวคริสต์ในเรื่องเหล่านั้นอันเป็นเรื่องต้องห้ามตามนัยของหะดีษบทนั้น ..
หรือการไปร่วมในวันสงกรานต์, วันลอยกระทง อันเป็นประเพณีนิยมของชาวพุทธ,
หรือมีการยกเสาเอกและพิธีกรรมอื่นๆในการสร้างบ้านใหม่ อันเป็นการเลียนแบบพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ เป็นต้น
ก็ถือเป็นเรื่องต้องห้ามเช่นเดียวกัน ...
หะดีษที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวไว้ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ใดที่เลียนแบบชนกลุ่มใด เขาก็คือส่วนหนึ่งของชนกลุ่มนั้นด้วย" เป็นหะดีษที่ถูกต้อง หรืออย่างน้อยก็หะซัน บันทึกโดยท่านอบูดาวูดและท่านอะห์มัด มีเป้าหมายเพื่อห้ามปรามมุสลิมมิให้ปฏิบัติสิ่งใดเป็นการเลียนแบบศาสนิกอื่น ในสิ่งที่เป็น "บทบัญญัติ" เฉพาะของศาสนานั้นๆ เช่นการโกนผม โกนคิ้ว แล้วสวมใส่จีวรเลียนแบบพระสงฆ์ในศาสนาพุทธ เป็นต้น หรือเลียนแบบการกระทำใดๆที่ศาสนิกของศาสนาอื่นได้ "ริเริ่ม" กระทำขึ้นมา จนสุดท้ายกลายเป็น "ประเพณีนิยม" เหมือนกับเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของศาสนานั้นไป เช่นการจัดงานวันเกิดอันเป็นการเลียนแบบวันคริสต์มาส, การสวมแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน, การตัดเค้กในวันแต่งงาน, การเฉลิมฉลองวันแห่งความรัก (วาเลนไทน์) ซึ่งเป็นประเพณีนิยมของชาวคริสต์ หากมุสลิมคนใดไปปฏิบัติตาม ก็ถือเป็นการเลียนแบบชาวคริสต์ในเรื่องเหล่านั้นอันเป็นเรื่องต้องห้ามตามนัยของหะดีษบทนั้น ..
หรือการไปร่วมในวันสงกรานต์, วันลอยกระทง อันเป็นประเพณีนิยมของชาวพุทธ,
หรือมีการยกเสาเอกและพิธีกรรมอื่นๆในการสร้างบ้านใหม่ อันเป็นการเลียนแบบพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ เป็นต้น
ก็ถือเป็นเรื่องต้องห้ามเช่นเดียวกัน ...
อนึ่ง หากการเลียนแบบนั้น เป็นเรื่องค่านิยมของประชาชนในแต่ละชาติหรือแต่ละประเทศ - ไม่ว่าพวกเขาจะถือศาสนาใด - ปฏิบัติกัน อันไม่เกี่ยวกับศาสนา อย่างเช่นการนุ่งกางเกงยีนส์, การใส่เน็คไทร์, การใส่ชุดสากลเลียนแบบชาวยุโรป, หรือการรับประทานอาหารโดยใช้ตะเกียบเลียนแบบชาวจีน, หรือการใส่เสื้อม่อฮ่อม เลียนแบบชาวเหนือ เป็นต้น อย่างนี้ ผมมองว่า ไม่เข้าในประเด็นห้ามของหะดีษบทนั้นหรอกครับ ...
สำหรับเรื่องงานวันเด็ก, วันครูที่ทางการจัดขึ้นมา ผมเห็นว่าไม่ผิดที่เด็กมุสลิมจะไปร่วมด้วย ยกเว้นจะมีพิธีกรรมใดๆในวันเด็กหรือวันครูที่ขัดแย้งกับหลักการอิสลาม ก็ห้ามเด็กของเราอย่าให้ไปร่วม
ส่วนเรื่องงานวันขึ้นปีใหม่ แม้พื้นฐานอาจเป็นสากลที่คนทั้งโลกเขาจัดกัน ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาใดโดยเฉพาะ แต่ผมเห็นว่าไม่สมควรที่มุสลิมจะไปร่วม เพราะมันมีหลายอย่างในงานปีใหม่ที่เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับมุสลิม ..
สำหรับการ "แลก" หรือ "จับสลาก" ของขวัญวันเด็กหรือวันปีใหม่กัน ในมุมมองผมเห็นว่า น่าจะทำได้ครับ เพราะมันไม่จัดอยู่ในความหมายต้องห้ามของหะดีษบทนั้น และไม่ใช่เป็นการเสี่ยงเรื่องโชคลางประเภท "ลางดี - ลางร้าย" ที่ศาสนาห้าม .. อย่างความเข้าใจของนักวิชาการบางท่าน
วัลลอฮุ อะอฺลัม ...
วัลลอฮุ อะอฺลัม ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น