อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หลักฐานการทำอาซีมัต - ทำน้ำซอฟัรฺ (ตอนที่ 2)



โดย อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย ...

1. อาซีมัต (ภาษาอาหรับเรียกว่า تَمِيْمَةٌ) พื้นฐานเดิมหมายถึงเปลือกหอยบางชนิดที่ชาวอาหรับโบราณเอาเชือกมาร้อยแล้วสวมคอเด็ก เพื่อเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันอันตรายจากดวงตาที่มุ่งร้าย ...
ต่อมาคำว่า تَمِيْمَةٌ ก็ได้พัฒนาความหมายออกไปจนครอบคลุมถึงเครื่องรางของขลัง (تَعَاوِيْذُ : عُوْذَةٌ) ทุกอย่างที่มนุษย์ประดิษย์ขึ้นมา ไม่ว่าจากเปลือกหอย, จากโลหะ, จากการเขียนด้วยภาษาต่างๆ เพื่อป้องกันเภทภัยตามความเชื่อของตน ...
ในกรณีที่อาซีมัตนั้น ถูกทำหรือถูกเขียนด้วยภาษาอื่นใดที่มิใช่จากอัล-กุรฺอานหรืออื่นจากดุอาอ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตามหลักการอิสลามถือว่าอาซีมัตนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม(หะรอม)โดยมติเอกฉันท์ของนักวิชาการ เพราะท่านศาสดากล่าวว่า มันเป็นชิริก! ...
ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า ...
إِنَّ الرُّقَى وَالتَّمَائِمَ وَالتِّوَلَةَ شِرْكٌ
"แท้จริง การเสกเป่า(เพื่อรักษาโรค), อาซีมัตต่างๆ และการทำเสน่ห์ยาแฝด (ทั้งหมดนั้น) เป็นชิริก" ...
(บันทึกโดยท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 3883, ท่านอะห์มัด เล่มที่ 1 หน้า 381, ท่านอิบนุมาญะฮ์ หะดีษที่ 3530 และท่านอิบนุหิบบาน หะดีษที่ 1412 โดยรายงานมาจากท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุมัสอูด ร.ฎ.) .
..
แต่ในกรณีเครื่องรางของขลังที่ถูกเขียนขึ้นมาจากอายะฮ์อัล-กุรฺอาน หรือดุอาอ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นักวิชาการจะมีทัศนะที่ขัดแย้งกันเป็น 2 ทัศนะคือ ...
ก. นักวิชาการบางท่าน อาทิเช่นท่านสะอีด บินอัล-มุซัยยับ, ท่านอะฏอฮ์, ท่านมุหัมมัด อัล-บากีรฺ อิหม่ามท่านที่ 5 ของชีอะฮ์ และรายงานหนึ่งจากท่านอิหม่ามอะห์มัด (คือรายงานข้างต้น) ถือว่า อาซีมัตที่เขียนจากอายะฮ์อัล-กุรฺอาน หรือดุอาอ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นที่อนุญาต ...
ข. ทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่ อาทิเช่น ท่านอิบนุมัสอูด ร.ฎ., ท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ., ท่านหุซัยฟะฮ์ ร.ฎ., ท่านอุกบะฮ์ บินอามีรฺ ร.ฎ., เศาะหาบะฮ์ส่วนใหญ่ และรายงานหนึ่งจากท่านอิหม่ามอะห์มัด - ซึ่งเป็นทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุด - ถือว่า อาซีมัตที่เขียนจากอายะฮ์อัล-กุรฺอานหรือดุอาอ์ของท่านนบีย์ ถือเป็นชิริกเช่นเดียวกัน เพราะหะดีษบทข้างต้นมิได้จำแนกว่า อาซีมัตประเภทไหนที่ต้องห้ามและประเภทไหนที่อนุญาต .. นอกจากการกล่าวรวมๆว่า อาซีมัตต่างๆเป็นชิริก !! ...
กรณีนี้ต่างกับการเสกเป่าเพื่อรักษาโรคซึ่งในหะดีษบทเดียวกันระบุว่าเป็นชิริกเหมือนอาซีมัต ...
ทั้งนี้เพราะในกรณีการเสกเป่านั้น มี "หะดีษบทอื่น" มาจำแนกว่า ที่ท่านศาสดากล่าวว่าการเสกเป่าเป็นชิริก หมายถึง "การเสกเป่าที่ใช้ภาษาอื่นจากอัล-กุรฺอาน หรืออื่นจากดุอาอ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" ..
แต่หากการเสกเป่านั้นมาจากอายะฮ์อัล-กุรฺอาน หรือดุอาอ์ของท่านนบีย์ ก็เป็นที่อนุญาต ...
การทำเสน่ห์ยาแฝดก็ไม่มีการจำแนกเช่นเดียวกับอาซีมัตเหมือนกัน ...
เมื่อไม่มีหลักฐานมาจำแนก จึงต้องถือว่า การทำอาซีมะฮ์หรือเครื่องรางของขลังทุกประเภท และการทำเสน่ห์ยาแฝดทุกประเภท ถือเป็นชิริกโดยไม่มีข้อยกเว้น ตามความหมายครอบคลุมของหะดีษบทข้างต้นนี้ ..
2. จากรายงานข้างต้น .. ไม่ได้ระบุว่าท่านอิหม่ามอะห์มัดจะเคยเขียน التَّعَاوِيْذَ แบบพร่ำเพรื่อให้แก่บุคคลทั่วๆไปโดยไม่จำกัดโรคหรืออาการ แต่ท่านจะเขียนให้เฉพาะคนที่เป็นลมบ้าหมู(หรือคนที่ตกใจจนช็อก) และญาติพี่น้องของท่านหรือคนในครอบครัวของท่านที่ป่วยไข้เท่านั้น ....
3. ข้อความข้างต้นระบุชัดเจนว่า "ท่านอิหม่ามอะห์มัดจะกระทำสิ่งดังกล่าวก็ในตอนเกิดมีบะลาอ์ขึ้นเท่านั้น" ... และ "ฉันไม่เคยเห็นท่านกระทำสิ่งนี้ก่อนหน้าเกิดมีบะลาอ์เลย" ...
ข้อความนี้เปรียบเสมือนเงื่อนไขในการเขียน التَّعَاوِيْذَ ของท่านว่า จะเขียนมันก่อนเกิดบะลาอ์ไม่ได้ !! ..
การกระทำของท่านอิหม่ามอะห์มัดข้อนี้ขัดแย้งกับการทำอาซีมัตหรือเครื่องรางของขลังต่างๆที่ผู้ทำมัน จะทำให้ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ศรัทธาเลื่อมไสที่มาขอได้ทุกฤดูกาล, หรือทุกวัน ! .. ทั้งๆที่ยังไม่มีบะลาอ์ใดๆเกิดขึ้นเลย ...
4. ทั้ง 2 ประโยคนี้บ่งบอกความหมายว่า การเขียน التَّعَاوِيْذَ ของท่านอิหม่ามอะห์มัดให้แก่คนไข้หรือคนเป็นลมบ้าหมูนั้น มีเป้าหมายเพื่อ "บำบัดรักษา" โรคหรืออาการป่วยที่เกิดขึ้นแล้ว .. มิใช่เพื่อ "ป้องกัน" จากศัตรูหรือป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่อาจจะมีในอนาคต .. อันเป็นเป้าหมายของผู้ทำอาซีมัต ..
5. ประการสำคัญที่สุดก็คือ ดังที่ผมได้กล่าวมาแล้วว่า ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด คำพูดหรือการกระทำของท่านอิหม่ามอะห์มัดหรือใครก็ตาม มิใช่หลักฐานของศาสนา !.. ตราบใดที่คำพูดหรือการกระทำนั้น มิได้อ้างอิงไปถึงอัล-กุรฺอานและซุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ...
วัลลอฮุ อะอ์ลัม ...
(ยังมีต่อ)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น