โดย..อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย
(2). มีกล่าวในหน้าที่ 342 ว่า ...
“ส่วนการวิเคราะห์ขั้นที่ 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดของอัล-มะฮ์ดี การมีชีวิต การหายตัวไป และการยังไม่วะฟาตของท่านนั้น ในส่วนนี้ก็เช่นกัน นักปราชญ์บางส่วนของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ที่ไม่ลบหลู่ต่อพวกเขา ก็ไม่ปฏิเสธและเป็นพวกที่เชื่อว่า อัล-มะฮ์ดีนั้น คือมุฮัมมัด บิน ฮะซัน อัล-อัซกะรี (อ) อิหม่ามที่ 12 จากบรรดาอิหม่ามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ (อ) ท่านได้เกิดแล้ว และท่านยังมีชีวิตอยู่ .....”
(แล้วเช็คอัต-ตีญานีย์ก็ได้ตีแผ่รายชื่อตำราและผู้เขียนที่เช็คอัต-ตีญานีย์อ้างว่า เป็นนักวิชาการซุนนะฮ์ ที่ยอมรับในเรื่องดังกล่าวมา 10 ท่านด้วยกัน ... แล้วตบท้ายด้วยข้อความว่า) ...
หากวิเคราะห์จะศึกษาต่อไป ก็จะพบว่านักปราชญ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จำนวนมากกว่านี้เสียอีกที่กล่าวถึงการเกิดของอัล-มะฮฺดี, การดำรงอยู่อย่างมีชีวิต ...
ชี้แจง.
นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เช็คอัต-ตีญานีย์ใช้เล่ห์เหลี่ยม นำข้อมูล “เท็จ” มาหลอกลวงชาวซุนนะฮ์, ! ... (รวมทั้งชาวชีอะฮ์ด้วย) ...
นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เช็คอัต-ตีญานีย์ใช้เล่ห์เหลี่ยม นำข้อมูล “เท็จ” มาหลอกลวงชาวซุนนะฮ์, ! ... (รวมทั้งชาวชีอะฮ์ด้วย) ...
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะมีอยู่เพียง 2 กรณีเท่านั้น คือ ....
กรณีที่ 1 : นักวิชาการและตำราเหล่านั้น เป็นชาวซุนนะฮ์จริง !... แต่การนำเรื่องท่านมะฮ์ดีย์ของชีอะฮ์มาเขียนในลักษณะดังกล่าว มิใช่เป็นการยอมรับข้อมูลนั้นว่า ถูกต้อง, ...และก็มิได้ยอมรับว่า ท่านมะฮ์ดีย์คือ “มุหัมมัด บิน หะซัน อัล-อัสกะรีย์” ..... ดังที่เช็คอัต-ตีญานีย์โมเมเอา, .. หากแต่เป็นการ “ถ่ายทอด” ความเชื่อของชีอะฮ์ให้เป็นที่รับรู้กันว่า ชาวชีอะฮ์มีความเชื่อและศรัทธาในเรื่องมะฮ์ดีย์อย่างไร .. เท่านั้น ..
การเขียนข้อมูลในลักษณะ “ถ่ายทอดให้รับรู้กัน” โดยไม่เกี่ยวและไม่จำเป็นว่า จะต้องไปเชื่อหรือยอมรับข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องปกติของนักวิชาการ, มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด ...
นักวิชาการชีอะฮ์เป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งเช็คอัต-ตีญานีย์เอง ก็ได้เคยนำเอาข้อมูลของฝ่ายซุนนะฮ์ไป “ถ่ายทอด” ในลักษณะเดียวกันนี้ในตำราของพวกเขา มากมายก่ายกองไปหมด ...
แต่ไม่เคยปรากฏว่า จะมีนักวิชาการซุนนะฮ์คนใด “ถือโอกาส” อย่างน่าเกลียดแบบเช็คอัต-ตีญานีย์ โดยอ้างว่า นักวิชาการชีอะฮ์เหล่านั้น ยอมรับข้อมูลของฝ่ายซุนนะฮ์แล้ว ...
การเขียนข้อมูลในลักษณะ “ถ่ายทอดให้รับรู้กัน” โดยไม่เกี่ยวและไม่จำเป็นว่า จะต้องไปเชื่อหรือยอมรับข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องปกติของนักวิชาการ, มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด ...
นักวิชาการชีอะฮ์เป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งเช็คอัต-ตีญานีย์เอง ก็ได้เคยนำเอาข้อมูลของฝ่ายซุนนะฮ์ไป “ถ่ายทอด” ในลักษณะเดียวกันนี้ในตำราของพวกเขา มากมายก่ายกองไปหมด ...
แต่ไม่เคยปรากฏว่า จะมีนักวิชาการซุนนะฮ์คนใด “ถือโอกาส” อย่างน่าเกลียดแบบเช็คอัต-ตีญานีย์ โดยอ้างว่า นักวิชาการชีอะฮ์เหล่านั้น ยอมรับข้อมูลของฝ่ายซุนนะฮ์แล้ว ...
กรณีที่ 2 : (ซึ่งมีแนวโน้มว่า น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในประเด็นนี้)... นั่นก็คือ สิ่งที่นักวิชาการซุนนะฮ์หลายท่าน เคยตั้งข้อสังเกตและ “เปิดโปง” ความทุจริตฉ้อฉลของนักวิชาการชีอะฮ์ ที่ใช้วิธีการสกปรกโสมมในการเผยแพร่แนวความคิดของพวกเขา ด้วยการเขียนตำราชวนเชื่อตามข้อมูลของชีอะฮ์ แต่แอบอ้างว่า ผู้เขียน คือนักวิชาการของซุนนะฮ์ !...
ในกรณีนี้ ฝ่ายชีอะฮ์จะใช้เล่ห์กลหลายรูปแบบ เพื่อบรรลุถึงจุดประสงค์การสร้างความเข้าใจผิดแก่ชาวซุนนะฮ์ทั่วไปที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาทิเช่น ...
--- ตรวจสอบดูว่า ผู้แต่งตำรา หรือผู้รายงานหะดีษที่เชื่อถือได้ของฝ่ายซุนนะฮ์คนใด มีชื่อตัว, ชื่อบิดา, และฉายานาม พ้องกับคนของฝ่ายชีอะฮ์ ... จากนั้น ก็จะถือโอกาสสร้างตำราขึ้นมา, หรืออ้างสายรายงาน “ปลอม” ขึ้นมา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหลักการและผลประโยชน์ของชีอะฮ์ ... เสร็จ แล้วจะมีการระบุชื่อคนของคนที่มีชื่อพ้องกันนั้นเข้าไปเป็นผู้แต่งตำรานั้น, หรือเป็นผู้รายงานหะดีษที่ปลอมแปลงขึ้นมานั้น เพื่อให้ชาวซุนนะฮ์เข้าใจว่า ตำรานั้นๆหรือหะดีษบทนั้นๆ .. ผู้เขียน หรือผู้รายงาน คือนักวิชาการที่เชื่อถือได้ของซุนนะฮ์เอง ...
ตัวอย่างที่หาดูได้ในกรณีนี้ก็คือ ท่านอัซ-ซุดดีย์, ท่านอับดุลลอฮ์ บิน มุสลิม บิน กุตัยบะฮ์, และท่านมุหัมมัด อิบนุ ญะรีรฺ อัฏ-ฏ็อบรีย์ นักอรรถาธิบายอัล-กุรฺอ่าน และนักประวัติศาสตร์ที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงของฝ่ายซุนนะฮ์ เป็นต้น ...
ทั้งสามท่านนั้น ถูกนักวิชาการชีอะฮ์ที่ “มีนามเหมือนกัน” กับพวกท่าน “สวมรอย” ด้วยการเขียนตำราต่างๆตามความเชื่อของชีอะฮ์ .. แล้วระบุชื่อของผู้เขียน (ซึ่งก็คือชื่อพวกท่าน... แถมบางครั้งยังส่อเจตนาร้ายด้วยการตั้งชื่อหนังสือให้เหมือนกันอีกต่างหาก) ... ทั้งนี้ เพื่อสร้างความสับสนให้ผู้อ่านที่เป็นชาวซุนนะฮ์ .... หลงเข้าใจผิดต่อพวกท่านนักวิชาการเหล่านั้นว่า ไปศรัทธาเลื่อมใสแนวทางของชีอะฮ์ .. .
--- ตรวจสอบดูว่า ผู้แต่งตำรา หรือผู้รายงานหะดีษที่เชื่อถือได้ของฝ่ายซุนนะฮ์คนใด มีชื่อตัว, ชื่อบิดา, และฉายานาม พ้องกับคนของฝ่ายชีอะฮ์ ... จากนั้น ก็จะถือโอกาสสร้างตำราขึ้นมา, หรืออ้างสายรายงาน “ปลอม” ขึ้นมา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหลักการและผลประโยชน์ของชีอะฮ์ ... เสร็จ แล้วจะมีการระบุชื่อคนของคนที่มีชื่อพ้องกันนั้นเข้าไปเป็นผู้แต่งตำรานั้น, หรือเป็นผู้รายงานหะดีษที่ปลอมแปลงขึ้นมานั้น เพื่อให้ชาวซุนนะฮ์เข้าใจว่า ตำรานั้นๆหรือหะดีษบทนั้นๆ .. ผู้เขียน หรือผู้รายงาน คือนักวิชาการที่เชื่อถือได้ของซุนนะฮ์เอง ...
ตัวอย่างที่หาดูได้ในกรณีนี้ก็คือ ท่านอัซ-ซุดดีย์, ท่านอับดุลลอฮ์ บิน มุสลิม บิน กุตัยบะฮ์, และท่านมุหัมมัด อิบนุ ญะรีรฺ อัฏ-ฏ็อบรีย์ นักอรรถาธิบายอัล-กุรฺอ่าน และนักประวัติศาสตร์ที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงของฝ่ายซุนนะฮ์ เป็นต้น ...
ทั้งสามท่านนั้น ถูกนักวิชาการชีอะฮ์ที่ “มีนามเหมือนกัน” กับพวกท่าน “สวมรอย” ด้วยการเขียนตำราต่างๆตามความเชื่อของชีอะฮ์ .. แล้วระบุชื่อของผู้เขียน (ซึ่งก็คือชื่อพวกท่าน... แถมบางครั้งยังส่อเจตนาร้ายด้วยการตั้งชื่อหนังสือให้เหมือนกันอีกต่างหาก) ... ทั้งนี้ เพื่อสร้างความสับสนให้ผู้อ่านที่เป็นชาวซุนนะฮ์ .... หลงเข้าใจผิดต่อพวกท่านนักวิชาการเหล่านั้นว่า ไปศรัทธาเลื่อมใสแนวทางของชีอะฮ์ .. .
--- บางครั้ง นักวิชาการชีอะฮ์จะเขียนตำราขึ้นมาเอง – ตามแบบฉบับของชีอะฮ์ -- แต่แอบอ้างชื่ออิหม่ามหรือนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงของฝ่ายซุนนะฮ์ว่าเป็นผู้เขียน .....ทั้งนี้ เพื่อสร้างความสับสนและความเข้าใจผิดต่อนักวิชาการซุนนะฮ์ว่า อิหม่ามของตน หรือนักวิชาการที่ตนเชื่อถือ เป็นผู้เขียนตำรานั้นจริงๆ ...
นักวิชาการชีอะฮ์คนหนึ่ง ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ “ซิรฺรุ้ล อาลิมีน” ... มีเนื้อหาโจมตีบรรดาเศาะหาบะฮ์ของท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม และหักล้างแนวทางของอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ ตามแบบฉบับของชีอะฮ์... แล้วอ้างว่า ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือท่านอิหม่ามมุหัมมัด อัล-ฆอซาลีย์ ..... หรือที่นักวิชาการซุนนะฮ์ทั่วๆไป เรียกกันว่า อิหม่ามฆอซาลีย์ นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่ของชาวซุนนะฮ์ ...
นักเขียนชีอะฮ์อีกคนหนึ่ง ได้เขียนตำราฟิกฮ์ย่อๆขึ้นมาเล่มหนึ่ง, ซึ่งเนื้อหาบางส่วนก็เป็นเรื่องฟิกฮ์ตามความเชื่อของชาวชีอะฮ์ อย่างเช่น อนุญาตให้ผู้เป็นนายของทาสหญิง ร่วมเพศทางทวารหนักของเธอได้, ฯลฯ... เสร็จแล้ว ก็อ้างชื่อของท่านอิหม่ามมาลิก (อิหม่ามมาลิกีย์) ว่า เป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ...
............ฯลฯ ...........
นักวิชาการชีอะฮ์คนหนึ่ง ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ “ซิรฺรุ้ล อาลิมีน” ... มีเนื้อหาโจมตีบรรดาเศาะหาบะฮ์ของท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม และหักล้างแนวทางของอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ ตามแบบฉบับของชีอะฮ์... แล้วอ้างว่า ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือท่านอิหม่ามมุหัมมัด อัล-ฆอซาลีย์ ..... หรือที่นักวิชาการซุนนะฮ์ทั่วๆไป เรียกกันว่า อิหม่ามฆอซาลีย์ นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่ของชาวซุนนะฮ์ ...
นักเขียนชีอะฮ์อีกคนหนึ่ง ได้เขียนตำราฟิกฮ์ย่อๆขึ้นมาเล่มหนึ่ง, ซึ่งเนื้อหาบางส่วนก็เป็นเรื่องฟิกฮ์ตามความเชื่อของชาวชีอะฮ์ อย่างเช่น อนุญาตให้ผู้เป็นนายของทาสหญิง ร่วมเพศทางทวารหนักของเธอได้, ฯลฯ... เสร็จแล้ว ก็อ้างชื่อของท่านอิหม่ามมาลิก (อิหม่ามมาลิกีย์) ว่า เป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ...
............ฯลฯ ...........
(โปรดดูข้อมูลจากหนังสือ “มุคตะศ็อรฺ ตุหฺฟะติ้ล อิษนัย อะชะรียะฮ์” หน้า 32-34 )
ด็อกเตอร์นาศิรฺ บิน อับดุลลอฮ์ อัล-ก็อฟฟารีย์ ได้เขียนเปิดโปงในหนังสือ “อุศูลุ มัษฮับ อัช-ชีอะฮ์” ของท่านว่า ....
[ وَمِنَ الاَثَارِاْلفِكْرِيَّةِ الَّتِيْ تَرَكَـهَاالْكَيْدُالرَّافِضِيُّ هُوَمَاوَقَعَ بِسَبَبِ قِيَامِ طَائِفَةٍ مِنْ شُيُوْخِهِمْ بِالدُّخُوْلِ فِيْ مَذْهَبِ أَهْلِ السُّنَّةِ فِي الظَّاهِرِ وَتُلَقَّـبُوْابِالْحَنَفِيِّ وَالشَّافِعِيِّ زِيَاَدَةً فِي اْلاِضْلاَلِ، وَأَلَّفُوْا مُصَـنَّفَاتٍ تُؤَيِّدُالْمَذْهَبَ الرَّافِضِيَّ ] .......
“และส่วนหนึ่งจากร่องรอย (ถ้าพูดให้ทันสมัยหน่อยก็ต้องเรียกว่า...มลพิษตกค้าง) แห่งแนวคิดหลอกลวงที่พวกชีอะฮ์หัวรุนแรงได้ละทิ้งเอาไว้ ก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจากสาเหตุที่นักวิชาการกลุ่มหนึ่งของพวกเขา ได้ปฏิบัติการ “ก้าวล่วงเข้าไปแทรกแซง” ในแนวทางของชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ตามรูปการณ์จากภายนอก .. (หมายถึงการเสแสร้งแสดงตัวกับคนทั่วๆไปว่า เป็นชาวซุนนะฮ์), ... และพวกเขาจะถูกขนานนามว่า เป็นพวกหะนะฟีย์บ้าง, เป็นพวกชาฟิอีย์บ้าง เพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้ชาวซุนนะฮ์หลงเชื่อมากยิ่งขึ้น, ต่อจากนั้น พวกเขาก็จะเขียนตำรับตำราต่างๆขึ้นมาสนับสนุนแนวทางของพวกชีอะฮ์ .. (โดยที่ชาวซุนนะฮ์ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์หลงเข้าใจว่า เป็นตำราที่เขียนโดยนักวิชาการชาวซุนนะฮ์)
(จากหนังสือ “อุศูลุ มัษฮับ อัช-ชีอะฮ์” เล่มที่ 3 หน้า 1195) ....
(จากหนังสือ “อุศูลุ มัษฮับ อัช-ชีอะฮ์” เล่มที่ 3 หน้า 1195) ....
หนังสือต่างๆร่วม 10 เล่มที่เช็คอัต-ตีญานีย์อ้างว่า เป็นตำราของชาวซุนนะฮ์นั้น ก็น่าจะจัดอยู่ในอีหรอบเดียวกับคำกล่าวข้างต้นนี้ ... คือ เขียนโดยนักวิชาการชีอะฮ์ที่สวมรอยแอบอ้างว่า เป็นนักวิชาการฝ่ายซุนนะฮ์ ...
เพราะจริงๆแล้ว คงไม่มีนักวิชาการ “ซุนนะฮ์” คนไหนหรอกที่จะยอมเชื่อว่า ท่านมะฮ์ดีย์ เป็นบุตรของท่านอิหม่ามหะซัน อัล-อัสกะรีย์ ! ...
เพราะจริงๆแล้ว คงไม่มีนักวิชาการ “ซุนนะฮ์” คนไหนหรอกที่จะยอมเชื่อว่า ท่านมะฮ์ดีย์ เป็นบุตรของท่านอิหม่ามหะซัน อัล-อัสกะรีย์ ! ...
จะมี ก็เฉพาะพวกชีอะฮ์เท่านั้นแหละที่ยัง “หัวชนฝา” อยู่กับความเชื่อ (ที่ขัดแย้งกับหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์ของฝ่ายซุนนะฮ์) ในข้อนี้ ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น