(3). จากหน้า 344-345.
ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ ได้กล่าวถึงมุอฺญิซาตต่างๆที่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงประทานให้แก่บรรดานบีย์ๆในอดีต, เช่น ท่านนบีย์อิบรอฮีม, ท่านนบีย์อีซา, ท่านนบีย์มูซา, ท่านนบีย์สุลัยมาน, ... เรื่องความมหัศจรรย์ของอะฮ์ลุลกะฮ์ฟิ หรือชาวถ้ำ, ... แม้กระทั่ง, เรื่องของอิบลีส ซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ และยังคงล่อลวงมนุษย์ให้หลงผิดอยู่จนถึงปัจจุบัน อันถือว่าเป็นเรื่องผิดธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของโลกทั่วๆไป, .. แล้วก็กล่าวสรุปในหน้าที่ 345 ว่า ...
ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ ได้กล่าวถึงมุอฺญิซาตต่างๆที่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงประทานให้แก่บรรดานบีย์ๆในอดีต, เช่น ท่านนบีย์อิบรอฮีม, ท่านนบีย์อีซา, ท่านนบีย์มูซา, ท่านนบีย์สุลัยมาน, ... เรื่องความมหัศจรรย์ของอะฮ์ลุลกะฮ์ฟิ หรือชาวถ้ำ, ... แม้กระทั่ง, เรื่องของอิบลีส ซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ และยังคงล่อลวงมนุษย์ให้หลงผิดอยู่จนถึงปัจจุบัน อันถือว่าเป็นเรื่องผิดธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของโลกทั่วๆไป, .. แล้วก็กล่าวสรุปในหน้าที่ 345 ว่า ...
“มุสลิมที่ศรัทธาทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ และไม่แปลกใจกับการปรากฏของสิ่งเหล่านี้ เขาจะแปลกใจกระนั้นหรือกับการดำรงอยู่ของอัล-มะฮ์ดีในสภาพที่ลึกลับเพียงชั่วระยะขณะหนึ่งของกาลเวลา โดยวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่ทรงประสงค์อย่างนั้น”
ชี้แจง.
ถูกแล้ว ! มุสลิมที่มีอีหม่านทุกคน ไม่มีผู้ใดแปลกใจหรือสงสัยในสิ่งที่ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ได้กล่าวมานี้ ... อันหมายถึงมุอฺญิซาตต่างๆที่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงประทานให้แก่พวกบรรดานบีย์ๆเหล่านั้น, ...
เพราะทั้งหมด คือสิ่งซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงระบุไว้ในคัมภีร์อัล-กุรฺอ่านของพระองค์แล้วทั้งสิ้น ...
อย่าว่าแต่เพียงแค่นั้น, ต่อให้อภินิหารยิ่งกว่านั้น .. (อย่างเช่นการกำเนิดของอิหม่ามมะฮ์ดีย์ตามที่ชาวชีอะฮ์เชื่อกัน) ... หากพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงแจ้งให้ทราบในอัล-กุรฺอ่านแล้ว มุสลิมที่มีอีหม่านก็ต้องเชื่อและยอมรับทั้งนั้น ...
จึงอยากจะขอถามเช็คอัต-ตีญานีย์สักหน่อยว่า .. ก็แล้วอภินิหารแห่งการกำเนิดของมะฮ์ดีย์ ที่มารดาของท่านตั้งครรภ์และคลอดท่านภายในคืนเดียวกัน, รวมทั้งการเร้นกายและการดำรงชีวิตอยู่ตั้งพันกว่าปีมาแล้ว และจะยังอยู่ต่อไปอีกนานเท่าไรก็ไม่รู้...... และท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ประสงค์จะให้เราเชื่อในเรื่องนี้,.......เหมือนที่เราเชื่อในมุอฺญิซาตต่างๆของบรรดานบีย์ๆนั้น ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงกล่าวเรื่องอภินิหารของอิหม่ามมะฮ์ดีย์ข้างต้นนั้น .. ไว้ตรงไหนในอัล-กุรฺอ่าน ? ....
ถูกแล้ว ! มุสลิมที่มีอีหม่านทุกคน ไม่มีผู้ใดแปลกใจหรือสงสัยในสิ่งที่ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ได้กล่าวมานี้ ... อันหมายถึงมุอฺญิซาตต่างๆที่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงประทานให้แก่พวกบรรดานบีย์ๆเหล่านั้น, ...
เพราะทั้งหมด คือสิ่งซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงระบุไว้ในคัมภีร์อัล-กุรฺอ่านของพระองค์แล้วทั้งสิ้น ...
อย่าว่าแต่เพียงแค่นั้น, ต่อให้อภินิหารยิ่งกว่านั้น .. (อย่างเช่นการกำเนิดของอิหม่ามมะฮ์ดีย์ตามที่ชาวชีอะฮ์เชื่อกัน) ... หากพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงแจ้งให้ทราบในอัล-กุรฺอ่านแล้ว มุสลิมที่มีอีหม่านก็ต้องเชื่อและยอมรับทั้งนั้น ...
จึงอยากจะขอถามเช็คอัต-ตีญานีย์สักหน่อยว่า .. ก็แล้วอภินิหารแห่งการกำเนิดของมะฮ์ดีย์ ที่มารดาของท่านตั้งครรภ์และคลอดท่านภายในคืนเดียวกัน, รวมทั้งการเร้นกายและการดำรงชีวิตอยู่ตั้งพันกว่าปีมาแล้ว และจะยังอยู่ต่อไปอีกนานเท่าไรก็ไม่รู้...... และท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ประสงค์จะให้เราเชื่อในเรื่องนี้,.......เหมือนที่เราเชื่อในมุอฺญิซาตต่างๆของบรรดานบีย์ๆนั้น ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงกล่าวเรื่องอภินิหารของอิหม่ามมะฮ์ดีย์ข้างต้นนั้น .. ไว้ตรงไหนในอัล-กุรฺอ่าน ? ....
และข้ออ้างที่ว่า ... การดำรงอยู่ของอัล-มะฮ์ดีในสภาพที่ลึกลับ โดยวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ ซ.บ. ที่ทรงประสงค์อย่างนั้น ... อยากจะขอถามเช็คอัต-ตีญานีย์อีกว่า ....
ท่านรู้ได้อย่างไรว่า พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงประสงค์จะให้ท่านมะฮ์ดีย์ เร้นกายอยู่อย่างนั้น ? ...
ในเมื่อการเร้นกายของมะฮ์ดีย์ (ตามการอ้างของพวกท่าน) เป็นการกระทำไปโดยพลการ, มิได้เกิดจากการบัญชาของพระองค์อัลลอฮ์, ... ดังการยอมรับของท่านเช็คอัฏ-ฏูสีย์ นักวิชาการของพวกท่านเองที่ได้กล่าวในหนังสือของท่านว่า ....
“การเร้นหายของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี ไม่ได้มีสาเหตุมาจากพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ”
(จากหนังสือ “อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก” หน้า 35)...
และก็อยากจะขอ “เปิดอก” พูดกับท่านเช็คอัต-ตีญานีย์และชาวชีอะฮ์อื่นๆในกรณีนี้ อย่างตรงไปตรงมาว่า ...
เรื่องการถือกำเนิดของท่านนบีย์อีซาโดยปราศจากบิดา ฯลฯ .. เป็นการบอกเล่าของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ในอัล-กุรฺอ่าน ซึ่งมุสลิมที่มีอีหม่านทุกคนจำเป็นต้องเชื่อ ...
แต่, การกำเนิดอิหม่ามมะฮ์ดีย์ที่ว่า ตั้งครรภ์ภายในคืนเดียว, คลอดภายในคืนเดียว เป็นเพียง “ข้ออ้าง” ของพวกท่าน จากสตรีเพศคนหนึ่ง (ท่านหะกีมะฮ์) ใช่หรือไม่ ? ..
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. คือใคร ? .. ท่านหะกีมะฮ์ คือใคร ? ...
ยิ่งไปกว่านั้น จะให้เราแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่พวกท่านอ้างว่าเป็นคำพูดท่านหะกีมะฮ์นั้น จะมิใช่คำพูดที่บุคคลบางคน “กุ” มันขึ้นมา แล้วป้ายความเท็จให้แก่ท่าน ? ...
และ, ต่อให้ท่านหะกีมะฮ์พูดจริงก็เถอะ ผู้ไม่มีอีหม่านเท่านั้นแหละ ถึงจะยอมเชื่อว่า คำพูดของมนุษย์เพศหญิงคนหนึ่ง น่าเชื่อถือพอๆกับคำพูดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ..
ส่วนคนที่เขามี “อีหม่านจริงๆ” นั้น ... ท่านจะเกลี้ยกล่อมเขาให้เชื่อว่าคำพูดของมนุษย์ปุถุชน มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเท่าๆกับคำพูดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.นี่ ...
ในเมื่อการเร้นกายของมะฮ์ดีย์ (ตามการอ้างของพวกท่าน) เป็นการกระทำไปโดยพลการ, มิได้เกิดจากการบัญชาของพระองค์อัลลอฮ์, ... ดังการยอมรับของท่านเช็คอัฏ-ฏูสีย์ นักวิชาการของพวกท่านเองที่ได้กล่าวในหนังสือของท่านว่า ....
“การเร้นหายของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี ไม่ได้มีสาเหตุมาจากพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ”
(จากหนังสือ “อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก” หน้า 35)...
และก็อยากจะขอ “เปิดอก” พูดกับท่านเช็คอัต-ตีญานีย์และชาวชีอะฮ์อื่นๆในกรณีนี้ อย่างตรงไปตรงมาว่า ...
เรื่องการถือกำเนิดของท่านนบีย์อีซาโดยปราศจากบิดา ฯลฯ .. เป็นการบอกเล่าของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ในอัล-กุรฺอ่าน ซึ่งมุสลิมที่มีอีหม่านทุกคนจำเป็นต้องเชื่อ ...
แต่, การกำเนิดอิหม่ามมะฮ์ดีย์ที่ว่า ตั้งครรภ์ภายในคืนเดียว, คลอดภายในคืนเดียว เป็นเพียง “ข้ออ้าง” ของพวกท่าน จากสตรีเพศคนหนึ่ง (ท่านหะกีมะฮ์) ใช่หรือไม่ ? ..
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. คือใคร ? .. ท่านหะกีมะฮ์ คือใคร ? ...
ยิ่งไปกว่านั้น จะให้เราแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่พวกท่านอ้างว่าเป็นคำพูดท่านหะกีมะฮ์นั้น จะมิใช่คำพูดที่บุคคลบางคน “กุ” มันขึ้นมา แล้วป้ายความเท็จให้แก่ท่าน ? ...
และ, ต่อให้ท่านหะกีมะฮ์พูดจริงก็เถอะ ผู้ไม่มีอีหม่านเท่านั้นแหละ ถึงจะยอมเชื่อว่า คำพูดของมนุษย์เพศหญิงคนหนึ่ง น่าเชื่อถือพอๆกับคำพูดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ..
ส่วนคนที่เขามี “อีหม่านจริงๆ” นั้น ... ท่านจะเกลี้ยกล่อมเขาให้เชื่อว่าคำพูดของมนุษย์ปุถุชน มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเท่าๆกับคำพูดของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.นี่ ...
ต่อให้เกลี้ยกล่อมกันให้ตาย เขาก็ไม่ยอมหลงกลท่านหรอก !
(4). มีกล่าวในหน้า 346 ว่า ....
“ดังนั้น ถ้าหากท่านอิมามที่สิบสอง นั่นคือ ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ได้เสียชีวิตไปแล้ว แน่นอนที่สุด สุสานของท่านจะต้องปรากฏให้เป็นที่รู้กันอย่างยิ่งเลยทีเดียว........”
ชี้แจง.
ข้อสังเกตนี้ ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ ได้เขียนขึ้นตามมุมมองของชีอะฮ์เพียงฝ่ายเดียว บนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่า ท่านอิหม่ามมะฮ์ดีย์ของพวกเขา ได้ถือกำเนิดมานานแล้ว และก็ยังหาร่อยรอยไม่เจอมาจนถึงทุกวันนี้ .. (เพราะเชื่อกันว่า ท่านได้เร้นกายไป, ดังได้กล่าวมาแล้ว) ...
แต่ในมุมมองของฝ่ายซุนนะฮ์หรือใครก็ตามที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ และมองว่า เป็นเพียงเรื่องที่ถูกกุขึ้นมา การหาสุสานของท่านไม่เจอ จึงมิใช่เรื่องแปลกพิสดารหรือน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด ! ...
“ดังนั้น ถ้าหากท่านอิมามที่สิบสอง นั่นคือ ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ได้เสียชีวิตไปแล้ว แน่นอนที่สุด สุสานของท่านจะต้องปรากฏให้เป็นที่รู้กันอย่างยิ่งเลยทีเดียว........”
ชี้แจง.
ข้อสังเกตนี้ ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์ ได้เขียนขึ้นตามมุมมองของชีอะฮ์เพียงฝ่ายเดียว บนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่า ท่านอิหม่ามมะฮ์ดีย์ของพวกเขา ได้ถือกำเนิดมานานแล้ว และก็ยังหาร่อยรอยไม่เจอมาจนถึงทุกวันนี้ .. (เพราะเชื่อกันว่า ท่านได้เร้นกายไป, ดังได้กล่าวมาแล้ว) ...
แต่ในมุมมองของฝ่ายซุนนะฮ์หรือใครก็ตามที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ และมองว่า เป็นเพียงเรื่องที่ถูกกุขึ้นมา การหาสุสานของท่านไม่เจอ จึงมิใช่เรื่องแปลกพิสดารหรือน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด ! ...
ก็คนที่ยังไม่เกิด, ยังไม่ตาย, แล้วจะให้ปรากฏหลุมศพได้ยังไงล่ะครับ ?
(5). มีกล่าวในหน้าที่ 347 ว่า ...
“และการปรากฏกายของท่านนั้น หมายถึงการปลดปล่อยและชัยชนะที่จะได้แก่ประชาชาติของ มุฮัมมัด (ศ)........”
“และการปรากฏกายของท่านนั้น หมายถึงการปลดปล่อยและชัยชนะที่จะได้แก่ประชาชาติของ มุฮัมมัด (ศ)........”
ชี้แจง.
ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์แน่ใจตัวเองไหมว่า มิได้มีการ “หมกเม็ด” ในคำพูดประโยคข้างต้นนี้ ?...
ทำไมท่านไม่ยอมเปิดเผยความจริงให้ทราบเสียด้วยว่า .. คำว่า “ประชาชาติของมุฮัมมัด (ศ)” ที่ว่านี้ ..... หมายถึง พวก “ชีอะฮ์” โดยเฉพาะ เท่านั้น ? ...
ส่วนประชาชาติของมุฮัมมัด (ศ) ที่อื่นจากชีอะฮ์, อันได้แก่ชาวซุนนะฮ์ทั้งหมดที่มีปริมาณมากกว่าพวกชีอะฮ์หลายสิบเท่า, รวมทั้งชาวอฺรับ, พวกกุเรช และพลโลกอื่นๆ จะต้องถูกสังหารลูกเดียว ! ...
ท่านเช็คอัต-ตีญานีย์แน่ใจตัวเองไหมว่า มิได้มีการ “หมกเม็ด” ในคำพูดประโยคข้างต้นนี้ ?...
ทำไมท่านไม่ยอมเปิดเผยความจริงให้ทราบเสียด้วยว่า .. คำว่า “ประชาชาติของมุฮัมมัด (ศ)” ที่ว่านี้ ..... หมายถึง พวก “ชีอะฮ์” โดยเฉพาะ เท่านั้น ? ...
ส่วนประชาชาติของมุฮัมมัด (ศ) ที่อื่นจากชีอะฮ์, อันได้แก่ชาวซุนนะฮ์ทั้งหมดที่มีปริมาณมากกว่าพวกชีอะฮ์หลายสิบเท่า, รวมทั้งชาวอฺรับ, พวกกุเรช และพลโลกอื่นๆ จะต้องถูกสังหารลูกเดียว ! ...
ไม่มีคำว่า ปรานี, ไม่มีคำว่าอภัยโทษ, ... ดังรายงานอันชัดเจนของชีอะฮ์ที่ได้ตีแผ่ไปแล้ว ...
ที่ผ่านมานั้น คือ การชี้แจงข้อบิดเบือนและเล่ห์เหลี่ยมของเช็คอัต-ตีญานีย์ นักวิชาการชีอะฮ์, เจ้าของหนังสือ “ลิอะกูนะ มะอัศ ศอดิกีน” หรือที่ถูกแปลเป็นภาษาไทยภายใต้ชื่อว่า “ขออยู่กับผู้สัตย์จริง”... รวมทั้งหนังสืออื่นๆอีก 3 เล่ม ที่กำลังแพร่หลายในหมู่ชีอะฮ์ชาวไทยในเวลานี้ ...
เป็นการชี้แจง เฉพาะประเด็นเรื่อง “อัล-มะฮ์ดี : ผู้ถูกรอคอย” ในหนังสือเล่มดังกล่าวข้างต้น เท่านั้น ...
เสียดายที่ผมไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมากนัก อันเนื่องมาจากการติดภาระแห่งความเป็นครู, และภาระการรับใช้สังคมมุสลิมด้วยการเขียนหนังสือชี้แจงหลักฐานและตอบปัญหาศาสนาที่มีผู้ถามเข้ามามากมาย, รวมทั้งการบรรยายธรรมทั่วๆไปด้วย, ..
มิฉะนั้น ผมก็จะขอทำหน้าที่กระชากหน้ากากและตีแผ่ตัวตน “ที่แท้จริง” ของเช็คอัต-ตีญานีย์ ออกมาให้เห็นชัดๆกันว่า ท่านผู้นี้ เป็นนักวิชาการตัวจริงหรือตัวปลอม ?, .. และอดีต เคยเป็นชาวซุนนะฮ์มาก่อนอย่างที่อ้างเอาไว้หรือไม่ ? ....
เป็นการชี้แจง เฉพาะประเด็นเรื่อง “อัล-มะฮ์ดี : ผู้ถูกรอคอย” ในหนังสือเล่มดังกล่าวข้างต้น เท่านั้น ...
เสียดายที่ผมไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมากนัก อันเนื่องมาจากการติดภาระแห่งความเป็นครู, และภาระการรับใช้สังคมมุสลิมด้วยการเขียนหนังสือชี้แจงหลักฐานและตอบปัญหาศาสนาที่มีผู้ถามเข้ามามากมาย, รวมทั้งการบรรยายธรรมทั่วๆไปด้วย, ..
มิฉะนั้น ผมก็จะขอทำหน้าที่กระชากหน้ากากและตีแผ่ตัวตน “ที่แท้จริง” ของเช็คอัต-ตีญานีย์ ออกมาให้เห็นชัดๆกันว่า ท่านผู้นี้ เป็นนักวิชาการตัวจริงหรือตัวปลอม ?, .. และอดีต เคยเป็นชาวซุนนะฮ์มาก่อนอย่างที่อ้างเอาไว้หรือไม่ ? ....
อินชาอัลลอฮ์ !.. ถ้ามีเวลาครับ,
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น