ถาม
อัสลามูอาลัยกุม อาจารย์ ดิฉันอยากทราบถึงมารยาทในการซิเกรฺ มีอย่างไรบ้าง ผู้หญิงมุสลีมะฮ์ปฏิบัติต่างกับผู้ชายในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ตอบ
เกี่ยวกับเรื่องมารยาทในการซิกรุลลอฮ์ที่คุณถามมานั้น ผมพยายามตรวจสอบจากตำราที่อาจจะมีกล่าวถึงเรื่องนี้ อย่างเช่นหนังสือ "อิห์ยาอ์ อุลูมิดดีน" ของท่านฆอซาลีย์ ก็ไม่เห็นมีกล่าวไว้ ผมจึงขออนุญาตนำข้อเขียนของผมที่เคยเขียนชี้แจงเรื่องนี้ไว้ในเรื่อง "ใครว่าทำเมาลิดไม่มีหลักฐาน" .. ซึ่งตอนหนึ่ง มีกล่าวถึงมารยาทในการซิกรุลลอฮ์มาให้อ่านกันดังนี้ ...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมขออนุญาตขยายรายละเอียดเพิ่มเติมจากคำกล่าวในหน้า 11 ที่ผ่านมาแล้ว ก็คือ การรวมกลุ่มกันกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์, และการห้ามปรามของท่านอิบนุ มัสอูด ร.ฎ. ต่อกลุ่มชนที่ “ร่วมกันซิกรุ้ลลอฮ์” ในมัสญิดแห่งหนึ่งว่าเป็นการอุตริกรรม, ...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมขออนุญาตขยายรายละเอียดเพิ่มเติมจากคำกล่าวในหน้า 11 ที่ผ่านมาแล้ว ก็คือ การรวมกลุ่มกันกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์, และการห้ามปรามของท่านอิบนุ มัสอูด ร.ฎ. ต่อกลุ่มชนที่ “ร่วมกันซิกรุ้ลลอฮ์” ในมัสญิดแห่งหนึ่งว่าเป็นการอุตริกรรม, ...
หะดีษเรื่องท่านอิบนุ มัสอูด ร.ฎ. กล่าวตำหนิกลุ่มชนที่ร่วมกันกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์ ด้วยวิธีการที่พวกเขากำหนดขึ้นมา ... ดังการบันทึกของท่านอัด-ดาริมีย์ ที่กล่าวมานั้น เป็นหะดีษที่สายรายงานถูกต้อง (صَحِيْحٌ) ดังการวิจารณ์ของท่านอัล-อัลบานีย์ในหนังสือ “อัศ-เศาะหี้หะฮ์” ของท่าน เล่มที่ 5 หน้า 11 หรือหะดีษที่ 2005 ...
ดังนั้น ข้อเขียนในเว็บไซด์หนึ่ง ที่อ้างว่า หะดีษบทนี้เฎาะอีฟ เพราะในสายรายงานของหะดีษนี้ มีผู้รายงานที่เฎาะอีฟอยู่ 2 ท่าน คือ ท่าน “อัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อก” และท่าน “อัมร์ บิน ยะห์ยา บิน สะลิมะฮ์” ... โดยอ้างการวิจารณ์ของท่านอัษ-ษะฮะบีย์จากหนังสือ “อัล-มีซาน”, .. ท่านอิบนุ อฺดีย์ จากหนังสือ “อัล-กามิลฯ” .. และท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์จากหนังสือ “ลิซานุ้ล มีซาน” นั้น ... จึงรับฟังไม่ขึ้น ...
เพราะการวิจารณ์ประวัติของผู้รายงานทั้ง 2 ท่านนั้น เมื่อได้ไปตรวจสอบดูแล้ว พบว่า “ผู้วิจารณ์” ที่ถูกอ้างถึงมี 2 ท่าน คือ ท่านอิบนุ อะดีย์และท่านยะห์ยา บิน มะอีนโดยที่ผู้วิจารณ์ทั้ง 2 ท่านนั้น ไม่ได้อธิบายจุดบกพร่องของท่านอัล-หะกัม และท่านอัมร์ ไว้เลยว่า บกพร่องอย่างไร ? .. ขณะเดียวกันก็มีนักวิชาการอีกหลายท่านที่ให้ความเชื่อถือต่อท่านอัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อกและท่านอัมร์ บิน ยะห์ยา ...
ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการหลายท่านจึงไม่ยอมรับข้อวิจารณ์ของท่านอิบนุอะดีย์และท่านยะห์ยา บินมุอีนต่อบุคคลทั้ง 2 ดังกล่าว แม้กระทั่งท่านอัษ-ษะฮะบีย์เองก็ตาม ..
ดังนั้น ข้อเขียนในเว็บไซด์หนึ่ง ที่อ้างว่า หะดีษบทนี้เฎาะอีฟ เพราะในสายรายงานของหะดีษนี้ มีผู้รายงานที่เฎาะอีฟอยู่ 2 ท่าน คือ ท่าน “อัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อก” และท่าน “อัมร์ บิน ยะห์ยา บิน สะลิมะฮ์” ... โดยอ้างการวิจารณ์ของท่านอัษ-ษะฮะบีย์จากหนังสือ “อัล-มีซาน”, .. ท่านอิบนุ อฺดีย์ จากหนังสือ “อัล-กามิลฯ” .. และท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์จากหนังสือ “ลิซานุ้ล มีซาน” นั้น ... จึงรับฟังไม่ขึ้น ...
เพราะการวิจารณ์ประวัติของผู้รายงานทั้ง 2 ท่านนั้น เมื่อได้ไปตรวจสอบดูแล้ว พบว่า “ผู้วิจารณ์” ที่ถูกอ้างถึงมี 2 ท่าน คือ ท่านอิบนุ อะดีย์และท่านยะห์ยา บิน มะอีนโดยที่ผู้วิจารณ์ทั้ง 2 ท่านนั้น ไม่ได้อธิบายจุดบกพร่องของท่านอัล-หะกัม และท่านอัมร์ ไว้เลยว่า บกพร่องอย่างไร ? .. ขณะเดียวกันก็มีนักวิชาการอีกหลายท่านที่ให้ความเชื่อถือต่อท่านอัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อกและท่านอัมร์ บิน ยะห์ยา ...
ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการหลายท่านจึงไม่ยอมรับข้อวิจารณ์ของท่านอิบนุอะดีย์และท่านยะห์ยา บินมุอีนต่อบุคคลทั้ง 2 ดังกล่าว แม้กระทั่งท่านอัษ-ษะฮะบีย์เองก็ตาม ..
ในรายของท่านอัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อก นั้น ท่านอัษ-ษะฮะบีย์ ได้กล่าวสรุป ในหนังสือ “มีซาน อัล-เอี๊ยะอฺติดาล” เล่มที่ 1 หน้า 579 ว่า صَدُوْقٌ คือ “พอจะเชื่อถือได้” .. (ซึ่งในเว็บไซด์ดังกล่าวก็ได้นำเอาคำกล่าวนี้ของท่านอัษ-ษะฮะบีย์ มาลงประกอบไว้ด้วย แต่ผู้เขียนท่านนั้นคงไม่เข้าใจบทสรุปของท่านอัษ-ษะฮะบีย์เอง) .. และในหนังสือ “อัล-กาชิฟ” เล่มที่ 1 หน้า 183 ท่านอัษ-ษะฮะบีย์ก็ได้กล่าวถึงท่านอัล-หะกัม ไว้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าเดิมว่า .. ثِقَةٌ .. คือ เชื่อถือได้ ...
ส่วนในรายของท่านอัมร์ บิน ยะห์ยานั้น ท่าน ยะห์ยา บิน มะอีนถูกอ้างว่า เป็นผู้ไม่ให้ความเชื่อถือต่อท่านอัมร์ บิน ยะห์ยา .. ดังข้อความและหนังสืออ้างอิงที่ปรากฏในเว็บไซด์ ซึ่งผมตรวจสอบแล้ว ถือว่าเป็นการคัดลอกมาอย่างถูกต้อง ... แต่เมื่อไปเปิดดูหนังสือ “อัล-ญัรฺห์ วัต-ตะอฺดีล” ของท่านอิบนุ อบีย์หาติม อัรฺ-รอซีย์ เล่มที่ 6 หน้า 269 กลับปรากฏข้อความว่า ..
قَالَ يَحْيَى بْنُ مَعِيْنٍ : عَمْرُو بْنُ يَحْيَى بْنِ سَلِمَةَ ثِقَةٌ ...
“ท่าน ยะห์ยา บิน มะอีน กล่าวว่า : ท่านอัมร์ บิน ยะห์ยา บินสะลิมะฮ์ เป็นผู้ที่ “เชื่อถือได้” ...
สรุปแล้ว ทั้งท่านอัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อก และท่านอัมรฺ บิน ยะห์ยา บิน สะลิมะฮ์ จึงเป็นผุ้รายงานที่เชื่อถือได้ และหะดีษบทข้างต้นนั้นก็เป็นหะดีษที่ถูกต้อง ..
เมื่อพูดมาถึงเรื่องการกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์ร่วมกัน ดังปรากฏในเว็บไซด์นั้น ผมก็อยากจะขอเรียนเพิ่มเติมว่า ...
เว็บไซด์ของคุณฟารุก นักศึกษาจากกรุงไคโร ที่อ้างว่า เพื่อจะแฉสิ่งที่พวกวะฮ์ฮาบีย์บิดเบือนนั้น ผมไม่ทราบว่า คำว่า “วะฮ์ฮาบีย์” --- ที่ท่านใช้คำนี้ประณามผู้ที่มีทัศนะใดในเรื่องศาสนาไม่ตรงกับท่าน --- บ่อยๆนั้น ท่านศึกษาประวัติของเขาดีแล้วหรือว่าเป็นใคร ? มีหลักอะกีดะฮ์อย่างไร ? มีแนวปฏิบัติในเรื่องศาสนาอย่างไร ? ...
หรือท่านเพียงแต่คัดลอกข้อกล่าวหานี้มาจากชีอะฮ์ที่ถือว่า ท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของพวกเขาในยุคหลัง ??...
ทั้งนี้ เพราะมี "บางอย่าง" ที่พวกชีอะฮ์เชื่อถือซึ่งท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบคัดค้าน แต่บังเอิญสิ่งนั้นมันไปตรงกับความเชื่อหรือการปฏิบัติของพวกท่านเข้าพอดี ??
ถ้าท่านอ้างว่าทราบประวัติมาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างน้อยที่สุดท่านก็คงจะไม่ปฏิเสธว่า ท่านมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบผู้นี้ -- ที่ท่านเรียกแนวคิดของเขาและบรรดาผู้ที่เชื่อถือเขาด้วยความอคติและอย่างดูแคลนว่า เป็นพวกวะฮ์ฮาบีย์นั้น -- ถือหลักปฏิบัติฟิกฮ์ ตามทัศนะของท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ หัมบัล ..
และท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุหัมบัลผู้นี้ คือหนึ่งในสี่อิหม่ามที่หนังสือฟิกฮ์มัสฮับชาฟิอีย์แทบทุกเล่มกล่าวยอมรับว่า كُلٌّ مِنَ اْلأَئِمَّةِ اْلأَرْبَعَةِ عَلَى الصَّوَابِ .. แต่ละท่านจากอิหม่ามทั้งสี่ท่านนั้น ล้วนอยู่บนแนวทางที่ถูกต้องทั้งสิ้น ใช่หรือไม่ ?...
ก็เมื่อท่านมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบถือหลักปฏิบัติตามแนวทางของท่านอิหม่ามอะห์มัดอันได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เหตุใดพวกท่านจึงไปกล่าวในลักษณะดูถูกเหยียดหยามท่านตลอดเวลาด้วยคำว่า วะฮ์ฮาบีย์ ? ...
หรือพวกท่านเข้าใจว่า สิ่งที่พวกท่านถือปฏิบัติอยู่เท่านั้น คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ใครที่ปฏิบัติไม่เหมือนพวกท่าน ก็จะต้องถูกประณาม, ถูกดูหมิ่นดูแคลนด้วยคำว่า “วะฮ์ฮาบีย์” หรือคำว่า “หุก่มมูดา” .. ตลอดเวลา ไม่ว่าผู้นั้นจะปฏิบัติตามแนวทางของท่านอิหม่ามหะนะฟีย์, อิหม่ามมาลิกีย์, หรืออิหม่ามหัมบะลีย์ ที่นักวิชาการฟิกฮ์แห่งมัษฮับชาฟิอีย์ของท่าน ยอมรับแล้วว่า ถูกต้อง ...
หลายครั้งที่ผมเจอข้อเขียนในเว็บไซด์ของผู้ที่น่าจะเป็น “ปัญญาชน” เหล่านี้ ที่เขียนในลักษณะยกตนข่มท่าน หรือก้าวร้าวต่อนักวิชาการ, ทั้งในอดีตหรือปัจจุบันที่โลกมุสลิมต่างก็ยอมรับ เพียงเพราะพวกท่านมีทัศนะ "บางอย่าง" เรื่องศาสนาไม่ตรงกับตนเองเท่านั้น ...
ก็อยากจะขอแนะนำพวกท่านนักศึกษาดังกล่าวนี้ว่า วิชาการของพวกท่านที่อาจจะหลงตนเองว่า มีมากมายมหาศาลแล้วนั้น ที่จริงยังห่างชั้นกับบรรดานักวิชาการที่พวกท่านก้าวร้าวต่อพวกเขามากมายนัก ...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของวิชาการหะดีษ ที่ผมเห็นว่า พวกท่านยังอยู่ในระดับ “ประถม” ด้วยซ้ำไป ...
จะอย่างไรก็ตาม นักวิชาการทุกท่านทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าท่านจะปราดเปรื่องในวิชาการสักปานใด แต่พวกท่านก็คือปุถุชน ย่อมมีผิดหรือถูกได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อผู้ใดเห็นว่า คำกล่าวใดหรือหลักฐานใดของพวกท่านไม่ถูกต้อง เขาก็มีสิทธิ์จะนำเสนอข้อมูลที่เห็นว่าถูกต้องกว่า มาชี้แจงหักล้างทัศนะหรือหลักฐานของพวกท่านได้ตามหลักวิชาการ ซึ่งก็ไม่ถือว่า เป็นการลบหลู่พวกท่านแต่อย่างใด ...
แต่การหักล้างกันด้วยหลักวิชาการ จะแตกต่างกับวิธีการกล่าวโจมตีหรือเสียดสีตัวท่านด้วยความอคติที่ผสมผสานกับความอวิชาของตนเอง, อย่างที่มีปรากฏอยู่ในเว็บไซด์เหล่านั้น เพราะสิ่งนี้ มิใช่เป็นมารยาทที่ “นักวิชาการจริงๆ” จะพึงกระทำ ...
สำหรับเรื่องการกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์ในลักษณะรวมกลุ่มนั้น ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า จะมี “วะฮ์ฮาบีย์” ของท่านคนใดกล่าวคัดค้านมัน “โดยปราศจากเงื่อนไข” ว่า เป็นเรื่องบิดอะฮ์หรือต้องห้าม ... ทั้งนี้ ก็เพราะหะดีษเรื่องความประเสริฐของการซิกรุ้ลลอฮ์ในลักษณะดังกล่าว ถูกบันทึกมาด้วยสายรายงานที่ถูกต้องจากท่านมุสลิม, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-หากิม ดัง “บางส่วน” ที่ท่านได้นำเสนอไปแล้วในเว็บไซด์ของท่าน ...
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ท่านเข้าใจหรือเปล่าว่า “ซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่ม” ลักษณะใด, ในสถานที่ใด, มีเจตนาเช่นไร ? .. ที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวส่งเสริมให้กระทำ .. ตามหลักฐานที่ท่านนำมาอ้าง ? ...
ถ้าท่านไม่ทราบ ผมก็จะขอบอกให้เอาบุญก็ได้ว่า การซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มที่ถูกต้องตามบทบัญญัติ (ซึ่งก็มีอยู่ในลักฐานที่ท่านนำมาอ้างนั่นแหละ) จะต้อง ...
1. ไม่ใช่การซิกรุ้ลลอฮ์ด้วย “วิธีการ” แปลกๆที่ถูกกำหนดกันขึ้นมาเอง (ดังการห้ามในหะดีษของท่านอิบนุ มัสอูด ร.ฎ. ที่ท่านกล่าวว่าเป็นหะดีษเฎาะอีฟบทนั้น) ...
2. เป็นการซิกรุ้ลลอฮ์ – ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำอย่างไร – ในลักษณะสงบเงียบ, เบา, และสำรวม .. (ดู “มุสลิม” หะดีษที่ 44/2704) ...
3. ให้ทำในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการกล่าวถึงพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เช่น มัสญิด, โรงเรียน, บาแล เป็นต้น (ดู “มุสลิม” หะดีษที่ 38/2699, .. หะดีษที่ 40/2701, .. และหนังสือ “ชัรฺหุมุสลิม” ของท่านอิหม่ามนะวะวีย์ เล่มที่ 9 ส่วนที่ 17 หน้า 21)
...
4. เป็นการซิกรุ้ลลอฮ์ที่มีเป้าหมายเพื่อ “ขอบคุณพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.” และ“ด้วยความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ)”เท่านั้น .. (ดังหะดีษของท่านมุอาวิยะฮ์ที่ท่านได้นำลงในเว็บไซด์ อันเป็นหะดีษที่ถูกบันทึกโดยท่านมุสลิม หะดีษที่ 40/2701, และท่านอัต-ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 3439 จากหนังสือ “ตั๊วะห์ฟะตุ้ล อะห์วะซีย์”) .. และผมก็ขอนำเสนอคำแปลของท่านเองจากหะดีษบทนั้นที่ว่า ...
“แล้วท่านร่อซูลุลลอฮ์กล่าวว่า อะไรที่ทำให้พวกท่านนั่งอยู่หรือ ? บรรดาซอฮาบะฮ์กล่าวว่า เราได้นั่งเพื่อกล่าวซิกรุลลอฮ์ และทำการสรรเสริญอัลลอฮ์ต่อสิ่งที่พระองค์ทรงชี้นำกับเราไปยังอิสลาม และสิ่งที่พระองค์ทรงประทานความโปรดปรานแก่เรา ท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า อัลลอฮ์ !ไม่มีอะไรทำให้พวกท่านนั่ง นอกจากดังกล่าวนั้นดอกหรือ ? พวกเขากล่าวว่า อัลลอฮ์ ! ไม่มีอะไรที่ทำให้เรานั่งอยู่เว้นแต่สิ่งดังกล่าวนั้น .......”
ส่วนในรายของท่านอัมร์ บิน ยะห์ยานั้น ท่าน ยะห์ยา บิน มะอีนถูกอ้างว่า เป็นผู้ไม่ให้ความเชื่อถือต่อท่านอัมร์ บิน ยะห์ยา .. ดังข้อความและหนังสืออ้างอิงที่ปรากฏในเว็บไซด์ ซึ่งผมตรวจสอบแล้ว ถือว่าเป็นการคัดลอกมาอย่างถูกต้อง ... แต่เมื่อไปเปิดดูหนังสือ “อัล-ญัรฺห์ วัต-ตะอฺดีล” ของท่านอิบนุ อบีย์หาติม อัรฺ-รอซีย์ เล่มที่ 6 หน้า 269 กลับปรากฏข้อความว่า ..
قَالَ يَحْيَى بْنُ مَعِيْنٍ : عَمْرُو بْنُ يَحْيَى بْنِ سَلِمَةَ ثِقَةٌ ...
“ท่าน ยะห์ยา บิน มะอีน กล่าวว่า : ท่านอัมร์ บิน ยะห์ยา บินสะลิมะฮ์ เป็นผู้ที่ “เชื่อถือได้” ...
สรุปแล้ว ทั้งท่านอัล-หะกัม บิน อัล-มุบาร็อก และท่านอัมรฺ บิน ยะห์ยา บิน สะลิมะฮ์ จึงเป็นผุ้รายงานที่เชื่อถือได้ และหะดีษบทข้างต้นนั้นก็เป็นหะดีษที่ถูกต้อง ..
เมื่อพูดมาถึงเรื่องการกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์ร่วมกัน ดังปรากฏในเว็บไซด์นั้น ผมก็อยากจะขอเรียนเพิ่มเติมว่า ...
เว็บไซด์ของคุณฟารุก นักศึกษาจากกรุงไคโร ที่อ้างว่า เพื่อจะแฉสิ่งที่พวกวะฮ์ฮาบีย์บิดเบือนนั้น ผมไม่ทราบว่า คำว่า “วะฮ์ฮาบีย์” --- ที่ท่านใช้คำนี้ประณามผู้ที่มีทัศนะใดในเรื่องศาสนาไม่ตรงกับท่าน --- บ่อยๆนั้น ท่านศึกษาประวัติของเขาดีแล้วหรือว่าเป็นใคร ? มีหลักอะกีดะฮ์อย่างไร ? มีแนวปฏิบัติในเรื่องศาสนาอย่างไร ? ...
หรือท่านเพียงแต่คัดลอกข้อกล่าวหานี้มาจากชีอะฮ์ที่ถือว่า ท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของพวกเขาในยุคหลัง ??...
ทั้งนี้ เพราะมี "บางอย่าง" ที่พวกชีอะฮ์เชื่อถือซึ่งท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบคัดค้าน แต่บังเอิญสิ่งนั้นมันไปตรงกับความเชื่อหรือการปฏิบัติของพวกท่านเข้าพอดี ??
ถ้าท่านอ้างว่าทราบประวัติมาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างน้อยที่สุดท่านก็คงจะไม่ปฏิเสธว่า ท่านมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบผู้นี้ -- ที่ท่านเรียกแนวคิดของเขาและบรรดาผู้ที่เชื่อถือเขาด้วยความอคติและอย่างดูแคลนว่า เป็นพวกวะฮ์ฮาบีย์นั้น -- ถือหลักปฏิบัติฟิกฮ์ ตามทัศนะของท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ หัมบัล ..
และท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุหัมบัลผู้นี้ คือหนึ่งในสี่อิหม่ามที่หนังสือฟิกฮ์มัสฮับชาฟิอีย์แทบทุกเล่มกล่าวยอมรับว่า كُلٌّ مِنَ اْلأَئِمَّةِ اْلأَرْبَعَةِ عَلَى الصَّوَابِ .. แต่ละท่านจากอิหม่ามทั้งสี่ท่านนั้น ล้วนอยู่บนแนวทางที่ถูกต้องทั้งสิ้น ใช่หรือไม่ ?...
ก็เมื่อท่านมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบถือหลักปฏิบัติตามแนวทางของท่านอิหม่ามอะห์มัดอันได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เหตุใดพวกท่านจึงไปกล่าวในลักษณะดูถูกเหยียดหยามท่านตลอดเวลาด้วยคำว่า วะฮ์ฮาบีย์ ? ...
หรือพวกท่านเข้าใจว่า สิ่งที่พวกท่านถือปฏิบัติอยู่เท่านั้น คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ใครที่ปฏิบัติไม่เหมือนพวกท่าน ก็จะต้องถูกประณาม, ถูกดูหมิ่นดูแคลนด้วยคำว่า “วะฮ์ฮาบีย์” หรือคำว่า “หุก่มมูดา” .. ตลอดเวลา ไม่ว่าผู้นั้นจะปฏิบัติตามแนวทางของท่านอิหม่ามหะนะฟีย์, อิหม่ามมาลิกีย์, หรืออิหม่ามหัมบะลีย์ ที่นักวิชาการฟิกฮ์แห่งมัษฮับชาฟิอีย์ของท่าน ยอมรับแล้วว่า ถูกต้อง ...
หลายครั้งที่ผมเจอข้อเขียนในเว็บไซด์ของผู้ที่น่าจะเป็น “ปัญญาชน” เหล่านี้ ที่เขียนในลักษณะยกตนข่มท่าน หรือก้าวร้าวต่อนักวิชาการ, ทั้งในอดีตหรือปัจจุบันที่โลกมุสลิมต่างก็ยอมรับ เพียงเพราะพวกท่านมีทัศนะ "บางอย่าง" เรื่องศาสนาไม่ตรงกับตนเองเท่านั้น ...
ก็อยากจะขอแนะนำพวกท่านนักศึกษาดังกล่าวนี้ว่า วิชาการของพวกท่านที่อาจจะหลงตนเองว่า มีมากมายมหาศาลแล้วนั้น ที่จริงยังห่างชั้นกับบรรดานักวิชาการที่พวกท่านก้าวร้าวต่อพวกเขามากมายนัก ...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของวิชาการหะดีษ ที่ผมเห็นว่า พวกท่านยังอยู่ในระดับ “ประถม” ด้วยซ้ำไป ...
จะอย่างไรก็ตาม นักวิชาการทุกท่านทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าท่านจะปราดเปรื่องในวิชาการสักปานใด แต่พวกท่านก็คือปุถุชน ย่อมมีผิดหรือถูกได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อผู้ใดเห็นว่า คำกล่าวใดหรือหลักฐานใดของพวกท่านไม่ถูกต้อง เขาก็มีสิทธิ์จะนำเสนอข้อมูลที่เห็นว่าถูกต้องกว่า มาชี้แจงหักล้างทัศนะหรือหลักฐานของพวกท่านได้ตามหลักวิชาการ ซึ่งก็ไม่ถือว่า เป็นการลบหลู่พวกท่านแต่อย่างใด ...
แต่การหักล้างกันด้วยหลักวิชาการ จะแตกต่างกับวิธีการกล่าวโจมตีหรือเสียดสีตัวท่านด้วยความอคติที่ผสมผสานกับความอวิชาของตนเอง, อย่างที่มีปรากฏอยู่ในเว็บไซด์เหล่านั้น เพราะสิ่งนี้ มิใช่เป็นมารยาทที่ “นักวิชาการจริงๆ” จะพึงกระทำ ...
สำหรับเรื่องการกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์ในลักษณะรวมกลุ่มนั้น ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า จะมี “วะฮ์ฮาบีย์” ของท่านคนใดกล่าวคัดค้านมัน “โดยปราศจากเงื่อนไข” ว่า เป็นเรื่องบิดอะฮ์หรือต้องห้าม ... ทั้งนี้ ก็เพราะหะดีษเรื่องความประเสริฐของการซิกรุ้ลลอฮ์ในลักษณะดังกล่าว ถูกบันทึกมาด้วยสายรายงานที่ถูกต้องจากท่านมุสลิม, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-หากิม ดัง “บางส่วน” ที่ท่านได้นำเสนอไปแล้วในเว็บไซด์ของท่าน ...
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ท่านเข้าใจหรือเปล่าว่า “ซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่ม” ลักษณะใด, ในสถานที่ใด, มีเจตนาเช่นไร ? .. ที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวส่งเสริมให้กระทำ .. ตามหลักฐานที่ท่านนำมาอ้าง ? ...
ถ้าท่านไม่ทราบ ผมก็จะขอบอกให้เอาบุญก็ได้ว่า การซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มที่ถูกต้องตามบทบัญญัติ (ซึ่งก็มีอยู่ในลักฐานที่ท่านนำมาอ้างนั่นแหละ) จะต้อง ...
1. ไม่ใช่การซิกรุ้ลลอฮ์ด้วย “วิธีการ” แปลกๆที่ถูกกำหนดกันขึ้นมาเอง (ดังการห้ามในหะดีษของท่านอิบนุ มัสอูด ร.ฎ. ที่ท่านกล่าวว่าเป็นหะดีษเฎาะอีฟบทนั้น) ...
2. เป็นการซิกรุ้ลลอฮ์ – ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำอย่างไร – ในลักษณะสงบเงียบ, เบา, และสำรวม .. (ดู “มุสลิม” หะดีษที่ 44/2704) ...
3. ให้ทำในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการกล่าวถึงพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เช่น มัสญิด, โรงเรียน, บาแล เป็นต้น (ดู “มุสลิม” หะดีษที่ 38/2699, .. หะดีษที่ 40/2701, .. และหนังสือ “ชัรฺหุมุสลิม” ของท่านอิหม่ามนะวะวีย์ เล่มที่ 9 ส่วนที่ 17 หน้า 21)
...
4. เป็นการซิกรุ้ลลอฮ์ที่มีเป้าหมายเพื่อ “ขอบคุณพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.” และ“ด้วยความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ)”เท่านั้น .. (ดังหะดีษของท่านมุอาวิยะฮ์ที่ท่านได้นำลงในเว็บไซด์ อันเป็นหะดีษที่ถูกบันทึกโดยท่านมุสลิม หะดีษที่ 40/2701, และท่านอัต-ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 3439 จากหนังสือ “ตั๊วะห์ฟะตุ้ล อะห์วะซีย์”) .. และผมก็ขอนำเสนอคำแปลของท่านเองจากหะดีษบทนั้นที่ว่า ...
“แล้วท่านร่อซูลุลลอฮ์กล่าวว่า อะไรที่ทำให้พวกท่านนั่งอยู่หรือ ? บรรดาซอฮาบะฮ์กล่าวว่า เราได้นั่งเพื่อกล่าวซิกรุลลอฮ์ และทำการสรรเสริญอัลลอฮ์ต่อสิ่งที่พระองค์ทรงชี้นำกับเราไปยังอิสลาม และสิ่งที่พระองค์ทรงประทานความโปรดปรานแก่เรา ท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า อัลลอฮ์ !ไม่มีอะไรทำให้พวกท่านนั่ง นอกจากดังกล่าวนั้นดอกหรือ ? พวกเขากล่าวว่า อัลลอฮ์ ! ไม่มีอะไรที่ทำให้เรานั่งอยู่เว้นแต่สิ่งดังกล่าวนั้น .......”
เพราะฉะนั้น หวังว่าท่านคงจะได้รับรู้ความจริงจากข้อมูลเหล่านี้ว่า การ ซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มที่ “ถูกต้องตามบทบัญญัติ” จริงๆนั้น คงไม่มี “วะฮ์ฮาบีย์” ปัญญาอ่อนคนไหนจะกล้าไปคัดค้านได้หรอก นอกจากการซิกรุ้ลลอฮ์ประเภทที่ถูกอุตริวิธีการแปลกๆขึ้นมา อย่างเช่นชนบางกลุ่มที่ปากกล่าวซิกรุ้ลลอฮ์ไปพร้อมกับการกระโดดโลดเต้นไป, หรือบางกลุ่มที่รวมตัวกันตะเบ็งเสียงซิกรุ้ลลอฮ์พร้อมๆกันจนมัสญิดแทบพัง, หรือประเภทไปรวมกลุ่มซิกรุ้ลลอฮ์กันในป่าช้า, หรือประเภทรวมกลุ่มซิกรุ้ลลอฮ์กันที่บ้านคนตายเพื่อ “ส่งบุญ” ให้แก่คนตาย, หรือเพื่อหวังจะได้รับ “ค่าจ้าง” จากญาติของคนตาย เป็นต้น ...
ซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มในลักษณะดังกล่าวเหล่านี้แหละที่พวก “วะฮ์ฮาบีย์” ของพวกท่านคัดค้าน ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่า เป็นเรื่องถูกต้อง ...
หรือหากพวกท่านมีหลักฐานว่า การซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มในลักษณะดังกล่าว เป็นเรื่องที่อิสลามส่งเสริมให้ปฏิบัติ ก็โปรดชี้แจงหลักฐานมาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่ยังไม่รู้อย่างผม จะเป็นพระคุณมาก ...
ซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มในลักษณะดังกล่าวเหล่านี้แหละที่พวก “วะฮ์ฮาบีย์” ของพวกท่านคัดค้าน ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่า เป็นเรื่องถูกต้อง ...
หรือหากพวกท่านมีหลักฐานว่า การซิกรุ้ลลอฮ์รวมกลุ่มในลักษณะดังกล่าว เป็นเรื่องที่อิสลามส่งเสริมให้ปฏิบัติ ก็โปรดชี้แจงหลักฐานมาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่ยังไม่รู้อย่างผม จะเป็นพระคุณมาก ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น