โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย...
1. ในโองการที่ 35 จากซูเราะฮ์อัน-นิซาอ์ที่ พระองค์ทรงกล่าวว่า ...
فَانْكِحُوْهُنَّ بِإِذْنِ أَهْلِهِنَّ وَآتُوْهُنَّ أُجُوْرَهُنَّ بِالْمَعْرُوْفِ
“ดังนั้น พวกเจ้าจงแต่งงานกับพวกนาง (ทาสหญิง) ด้วยการอนุมัติจากผู้เป็นนา
คำว่า “ค่าตอบแทนของพวกนาง” ในโองการนี้ หมายถึง “มะฮัรฺ” ในนิกาห์ถาวร มิใช่ค่าตอบแทนในนิกาห์มุตอ
2. ในอายะฮ์ที่ 5 ซูเราะอัล-มาอิดะฮ์ พระองค์กล่าวว่า ...
وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ الْمُؤْمِنَاتِ وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ الَّذِيْنَ أَوْتُواالْكِتَابَ مِنْ قَبْلِكُمْ إِذَا آتَيْتُمُوْهُنَّ أُجُوْرَهُنَّ
“และบรรดาหญิงที่เป็นอิสรชน
คำว่า “ค่าตอบแทน” ในที่นี้ หมายถึง “มะฮัรฺ”ในนิกาห์ถาวรโดยไม่
3. ในอายะฮ์ที่ 50 ซูเราะฮ์อัล-อะห์ซาบ พระองค์กล่าวว่า ...
يَاأَيُّهَاالنَّبِىُّ إِنَّا أَحْلَلْنَا لَكَ أَزْوَاجَكَ اللاَتِىْ آتَيْتَ أُجُوْرَهُنَّ ...
“นบีย์เอ๋ย แท้จริงเราได้อนุมัติแก่เจ้
คำว่า أُجُوْرَهُنَّ หรือ “สินตอบแทน”ในโองการนี้ คือมะฮัรฺโดยไม่มีข้อขัดแย้
ส่วนโองการอื่นที่พระองค์ได
وَآتُواالنِّسَاءَ صَدُقَاتِهِنَّ نِحْلَةً
“และจงให้แก่บรรดาผู้หญิงซึ
คำว่า صَدُقَاتٍ ในโองการนี้มิได้หมายถึง “สิ่งบริจาค” อันเป็นความหมายโดยทั่วไปขอ
(4). ส่วนข้ออ้างที่ว่า มีเศาะหาบะฮ์บางคน เช่นท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ.อ่านเพิ่มคำว่า إِلَى أَجَلٍ مُسَمًّى (จนถึงเวลาที่ถูกกำหนด) หลังจากคำว่า فَمَا اسْتَطَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ (ดังนั้น อันใดที่พวกเจ้าเสพสุขมันจา
ผมขอเรียนชี้แจงว่า ...
การอ่าน – ของผู้ใดก็ตาม – ในข้อความใดที่ผู้อ่านเข้าใ
การอ่านเพิ่มเติมในลักษณะนี
ทว่า .. ข้อความที่ว่า إِلَى أَجَلٍ مُسَمًّى จากการอ่านเพิ่มเติมของท่าน
เหตุนี้ พวกท่านจึงมติไม่เขียนมันลง
เพราะฉะนั้น ข้อความที่ว่า إِلَى أَجَلٍ مُسَمًّى ดังปรากฏในคำอ่านของเศาะหาบ
เมื่อมิใช่เป็นอัล-กุรฺอาน ข้อความนี้จึงมิใช่หลักฐานท
(5). ภาคปฏิบัติของเศาะหาบะฮ์ในเ
ทว่า .. มันคือ “ข้อห้าม” ในอัล-กุรฺอาน ดังข้อมูลที่กำลังจะถึง ...
ด้วยเหตุนี้ บรรดาเศาะหาบะฮ์จึงไม่กล้าท
สรุปแล้ว เหตุผล 3 ประการที่ชีอะฮ์อ้างว่า อายะฮ์ที่ 24 จากซูเราะฮ์อัน-นิซาอ์เป็นบ
หลักฐานห้ามนิกาห์มุตอะฮ์ .. ทั้งจากซุนนีย์และชีอะฮ์
หลักฐานห้ามจากการนิกาห์มุต
นี่แหละธาตุแท้ชีอะฮ์ ...
สำหรับหลักฐานห้ามนิกาห์มุต
قَدْ أَفْلََحَ الْمُؤْمِنُوْنَ، اَلَّذِيْنَ هُمْ فِىْ صَلاَتِهِمْ خَاشِعُوْنَ، وَالَّذِيْنَ هُمْ عَنِ اللَّغْوِ مُعْرِضُوْنَ، وَالَّذِيْنَ هُمْ لِلزَّكَاةِ فَاعِلُوْنَ، وَالَّذِيْنَ هُمْ لِفُرُوْجِهِمْ حَافِظُوْنَ، إلاَّ عَلَى أَزْوَاجِهِمْ أَوْمَامَلَكَتْ أَيْمَانُهُمْ فَإِنَّهُمْ غَيْرُمَلُوْمِيْنَ، فَمَنِ ابْتَغَى وَرَآءَ ذَلِكَ فَأُولَئِكَ هُمُ الْعَادُوْنَ
“แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความ
คำดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ที่ว่า .. “เว้นแต่กับบรรดาภรรยาของพว
ทั้งนี้ เพราะสตรีที่นิกาห์มุตอะฮ์ไ
ซูเราะฮ์อัล-มุอ์มินูนเป็นซ
เหตุนี้ หลังจากอพยพไปอยู่มะดีนะฮ์แ
เช็คมุหัมมัดชะรีฟนักวิชากา
ผมก็ขอเรียนชี้แจงคำกล่าวนี
1. ผู้หญิงที่ทำการนิกาห์มุตอะ
ท่านเช็คอัล-ชันกีฏีย์ ได้กล่าวอธิบายในหนังสือตัฟ
وَمَعْلُوْمٌ أَنَّ الْمُسْتَمْتَعَ بِهَا لَيْسَتْ مَمْلُوْكَةً وَلاَ زَوْجَةً، فَمُبْتَغِيْهَا إِذَنْ مِنَ الْعَادِيْنَ بِنَصِّ
الْقُرْآنِ، أَمَّاكَوْنُهَا غَيْرَمَمْلُوْكَةٍ فَوَاضِحٌ، وَأَمَّاكَوْنُهَاغَيْرَ زَوْجَةٍ فَلاِنْتِفَاءِ لَوَازِمِ الزَّوْجِيَّةِ عَنْهَا كَالْمِيْرَاثِ وَالْعِدَّةِ وَالطَّلاَقِ وَالنَّفَقَةِ، وَلَوْكَانَتْ زَوْجَةً لَوَرِثَتْ وَاعْتَدَّتْ وَوَقَعَ عَلَيْهَاالطَّلاَقُ
وَوَجَبَتْ لَهَا النَّفَقَةُ
“สิ่งที่รับรู้กันก็คือ สตรีที่ถูกเสพสุขจากนิกาห์ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น