อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

ชีอะฮ์กับมุตอะฮ์ (ตอนที่ 3)


สำนวนดังข้างต้นเป็นสำนวนจากการบันทึกของนักวิชาการหะดีษส่วนใหญ่ที่รายงานมาจากท่านอัซ-ซุฮ์รีย์ ซึ่งแสดงว่า การห้ามจากนิกาห์มุตอะฮ์และการห้ามจากบริโภคเนื้อลาบ้าน เกิดขึ้นคราวเดียวกันในสงครามค็อยบัรฺ ...
ด้วยเหตุนี้นักวิชาการส่วนใหญ่ (جُمْهُوْرٌ) จึงมีทัศนะว่า การห้ามจากนิกาห์มุตอะฮ์และการห้ามจากรับประทานเนื้อลาบ้าน เกิดขึ้นคราวเดียวกันในสงครามค็อยบัรฺ ดังข้อความที่ปรากฏในหะดีษข้างต้นนั้น ...
แต่นักวิชาการหะดีษบางท่านเช่นท่านซุฟยาน บินอุยัยนะฮ์กล่าวว่า การห้ามในสงครามค็อยบัรฺคือการห้ามจากรับประทานเนื้อลาบ้านเท่านั้น ส่วนการห้ามจากนิกาห์มุตอะฮ์ เป็นการห้ามหลังจากจากสงครามค็อยบัรฺ ดังหะดีษที่ท่านซุฟยานเองได้บันทึกรายงานมาจากท่านอัซ-ซุฮ์รีย์เช่นเดียวกัน ...
(ดูฟัตหุ้ลบารีย์ของท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ เล่มที่ 9 หน้า 168)
ท่านอบูอะวานะฮ์ได้กล่าวในหนังสือ “อัศ-เศาะเหี๊ยะฮ์” ของท่านว่า ...
سَمِعْتُ أَهْلَ الْعِلْمِ يَقُوْلُوْنَ : مَعْنَى حَدِيْثِ عَلِىٍّ أَنَّهُ نَهَى يَوْمَ خَيْبَرَ عَنْ لُحُوْمِ الْحُمُرِ،
وَأَمَّا الْمُتْعَةُ فَسَكَتَ عَنْهُ، وَإِنَّمَا نَهَى عَنْهُ يَوْمَ الْفَتْحِ ...
“ฉันได้ยินผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการกล่าวกันว่า ความหมายหะดีษท่านอะลีย์ก็คือ ท่านศาสดาได้ห้ามในสงครามค็อยบัรฺจากเนื้อลาบ้าน อนึ่งในเรื่องนิกาห์มุตอะฮ์ ท่านศาสดาเงียบจากมัน แน่นอนท่านมิได้ห้ามมันนอกจากในวันพิชิตมักกะฮ์เท่านั้น” ...
(จากหนังสือฟัตหุ้ลบารีย์เล่มเดียวกัน หน้า 169) ...
คำว่า “หลังจากสงครามค็อยบัรฺ” ดังคำพูดของท่านซุฟยาน บินอุยัยนะฮ์จึงหมายถึงคราวพิชิตนครมักกะฮ์ในเดือนรอมะฎอนของปีถัดมาดังคำกล่าวของท่านอบูอะวานะฮ์ เพราะมีหลักฐานชัดเจนทั้งการผ่อนผันและการห้ามมุตอะฮ์ในคราวเดียวกัน ...
ในแง่มุมของนักวิชาการส่วนใหญ่อธิบายว่า การ “ผ่อนผันแล้วห้าม” ในเรื่องนิกาห์มุตอะฮ์เกิดขึ้น 2 ครั้ง .. คือผ่อนผันในสงครามค็อยบัรฺแล้วก็ห้าม ดังปรากฏในหะดีษของท่านอะลีย์บทข้างต้น .. และมีการผ่อนผันอีกครั้งหนึ่งคราวเดินทางไปพิชิตนครมักกะฮ์ หลังจากนั้นจึงมีการห้ามอย่างถาวรในคราวเดียวกัน ...
ทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่ดังกล่าวนั้น อาจเป็นทัศนะที่ถูกต้องก็ได้ ...
ในมุมมองส่วนตัว ผมเองมีทั้ง “เห็นด้วย” และ “เห็นแย้ง” กับนักวิชาการส่วนใหญ่ในกรณีนี้ ...
เห็นด้วยในแง่ที่ว่า นิกาห์มุตอะฮ์กับการกินเนื้อลาบ้าน ถูกห้ามในสงครามค็อยบัรฺ คราวเดียวกัน...
แต่เห็นแย้งในแง่ที่ว่า ในสงครามค็อยบัรมีการผ่อนผันเรื่องนิกาห์มุตอะฮ์ก่อน ต่อจากนั้นจึงมีการห้ามภายหลัง ...
เหตุผลของผมก็คือ ในสงครามค็อยบัรฺมีแต่ “หลักฐานห้าม” นิกาห์มุตอะฮ์ แต่ไม่มี “หลักฐานผ่อนผัน” ให้นิกาห์มุตอะฮ์ได้ดังที่ญุมฮูรฺหรือนักวิชาการส่วนใหญ่อ้าง! ..ไม่ว่าจากการบันทึกของผู้ใดและในสำนวนใดๆของหะดีษบทนี้ ...
การห้ามสิ่งใด ไม่ได้หมายความว่า สิ่งนั้นจะเป็นที่อนุญาตหรือถูกผ่อนผันมาก่อนเสมอไป ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ.ทรงห้ามการซินา มิได้หมายความว่าการซินาจะเคยถูกอนุญาตหรือถูกผ่อนผันมาก่อน ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงห้ามเรื่องดอกเบี้ย มิได้หมายความว่า ดอกเบี้ยจะเคยถูกอนุญาตหรือถูกผ่อนผันมาก่อน ...
พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงห้ามจากการลักขโมย มิได้หมายความว่าการลักขโมยเคยเป็นที่อนุญาตหรือถูกผ่อนผันมาก่อน ...
ตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันนี้ มีเยอะแยะไปหมด ...
เพราะฉะนั้น การห้ามนิกาห์มุตอะฮ์ในสงครามค็อยบัรฺ จึงเหมือนกับการห้ามซินา, ห้ามดอกเบี้ยและห้ามการลักขโมย .. คือไม่เคยถูกอนุญาตหรือถูกผ่อนผันมาก่อน ...
หมายเหตุ ตามปกติ “การห้าม” จะเกิดขึ้นจาก 4 ลักษณะคือ ...
หนึ่ง เป็นการห้ามครั้งแรกของบทบัญญัติ ...
การห้ามนิกาห์มุตอะฮ์ที่ค็อยบัรฺไม่จัดอยู่ในกรณีนี้ เพราะอิสลามมีข้อห้ามมาก่อนแล้วจากการมีเพศสัมพันธ์กับสตรีที่มิใช่ภรรยาหรือทาสหญิงในอายะฮ์ที่ 5-6 ซูเราะฮ์อัล-มุอ์มินูนโดยข้อห้ามนี้ครอบคลุมนิกาห์มุตอะฮ์โดยปริยายด้วย เพราะสตรีที่นิกาห์มุตอะฮ์มิใช่เป็นภรรยาตามบทบัญญัติ ...
สอง เป็นการห้ามครั้งที่สอง หลังจากมีการอนุโลมหรือผ่อนผันจากการห้ามครั้งแรก ...





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น