อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เครื่องหมายการตายดี ตอนที่ 2


โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย

عَلاَمَاتُ حُسْـنِ الْخَاتِمَة
(เครื่องหมายการตายดี ตอนที่ 2)

(10.) مَوْتُ الْمَرْأةِ فِيْ نِفَاسِهَا بِسَبَبِ وَلَدِهَا : การตายของสตรีในขณะกำลังมีเลือดนิฟาส อันมีสาเหตุมาจาก(การคลอด)บุตรของนาง
ท่านอุบาดะฮ์ บิน อัศ-ศอมิต ร.ฎ. ได้กล่าวว่า ....
(أنَّ رسُوْلَ اللَّـه صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَادَ عَبْدَاللَّـهِ بْنَ رَوَاحَةَ فَالَ : فَمَا تَحَوَّزَ لَهُ عَنِ فِرَاشِـهِ، فَقَالَ : أتَدْرِيْ مَنْ شُهَدَاءُاُمَّتِيْ ؟ قَالُوْا : قَتْلُ الْمُسْلِمِ شَهَادَةٌ، قَالَ : إنَّ شُهَدَاءَ اُمَّتِي إذًا لَقَلِيْلٌ! قَتْلُ الْمُسْلِمِ شَهَادَةٌ، وَالطَّاعُوْنُ شَهَادَةُ، وَالْمَرْأةُ يَقْتُلُهَاوَلَدُهَا جَمْعَاءَ شَهَادَةٌ،
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้ไปเยี่ยมท่านอับดุลลอฮ์ บิน รอวาหะฮ์ ร.ฎ. (ซึ่งกำลังป่วยอยู่) โดยที่ท่านไม่อาจขยับตัวจากที่นอนให้แก่ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ได้เลย, แล้วท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมก็กล่าวขึ้นว่า : พวกท่านรู้ไหมว่า บรรดาผู้ตายชะฮีดจากประชาชาติของฉันคือใคร ? ... พวกเขา (เศาะหาบะฮ์) ตอบว่า : การถูกสังหารของมุสลิม(ในสงคราม) คือการตายชะฮีด, ... ท่านรอซู้ลฯ จึงกล่าวว่า : ถ้าอย่างนั้น ชะฮีดจากประชาชาติของฉันก็คงมีแค่เล็กน้อยเอง !.. (ความจริง) การถูกสังหารของมุสลิม เป็นชะฮีด, การตายด้วยโรคระบาด เป็นชะฮีด, สตรีที่บุตรในท้องสังหารนางให้ตายพร้อมกัน (คือ ตายทั้งกลม) ก็เป็นชะฮีด (แล้วบุตรของนางก็จะจูงนางด้วยสายสะดือของเขาเข้าสู่สวรรค์) ...
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด, ท่านอัด-ดาริมีย์, และท่านอบูดาวูด อัฏ-เฏาะยาลิซีย์)
(11, 12.) اَلْمَوْتُ بِالْحَرْقِ وَذَاتِ الْجَنْبِ : การตายเพราะถูกไฟคลอก และตายเพราะโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า ....
( اَلشُّهَدَاءُ سَبْعَةٌ سِوَى اْلقَتْلِ فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ، اَلْمَطْعُوْنُ شَهِيْدٌ، وَاْلغَرِقُ شَهِيْدٌ، وَصَاحِبُ ذَاتِ الْجَنْبِ شَهِيْدٌ، وَالْمَبْطُوْنُ شَهِيْدٌ، وَالْحَرِقُ شَهِيْدٌ، وَالَّذِيْ يَمُوْتُ تَحْتَ اْلهَدْمِ شَهِيْدٌ، وَالْمَرْأةُ تَمُوْتُ بِجُمْعٍ شَهِيْدَةٌ )
“การตายชะฮีดนั้น มี 7 ประเภทที่อื่นจากการตายในสงครามสะบีลิลลาฮ์, คือ ผู้ที่ตายด้วยโรคระบาด ก็เป็นชะฮีด, ผู้ที่จมน้ำตาย ก็เป็นชะฮีด, ผู้ที่เป็นโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบตาย ก็เป็นชะฮีด, ผู้ที่ตายเพราะโรคในช่องท้อง ก็เป็นชะฮีด, ผู้ที่ถูกไฟคลอกตาย ก็เป็นชะฮีด, ผู้ที่ถูกอาคารพังทับตาย ก็เป็นชะฮีด, สตรีที่ตายทั้งกลม ก็เป็นชะฮีด”
(บันทึกโดย ท่านอิหม่ามมาลิก, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอิบนุมาญะฮ์, ท่านอิบนุหิบบาน, ท่านอัล-หากิม และท่านอะห์มัด โดยรายงานมาจาก ท่านญาบิรฺ บิน อะตีก ร.ฎ.) ...
(13.) اَلْمَوْتُ بِدَاءِ السُّلِّ : การตายด้วยวัณโรค
ท่านนีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( اَلْقَتْلُ فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ شَهَادَةٌ، وَالنُّفَسَاءُ شَهَادَةٌ، وَالْحَرْقُ شَهَادَةٌ، وَاْلغَرَقُ شَهَادَةٌ، وَالسُِّلُّ شَهَادَةٌ، وَالْبَطْنُ شَهَادَةٌ )
“การตายในสงครามสะบีลิลลาฮ์ เป็นชะฮีด, การตายในขณะมีเลือดนิฟาส เป็นชะฮีด, การถูกไฟคลอกตาย เป็นชะฮีด, การจมน้ำตาย เป็นชะฮีด, การเป็นวัณโรคตาย เป็นชะฮีด, การมีโรคในช่องท้องตาย เป็นชะฮีด” ....
(บันทึกโดย ท่านอัฏ-ฏ็อบรอนีย์ ในหนังสือ “มุอฺญัม อัล-เอาซัฏ” ด้วยสายรายอ่อน, แต่ได้รับการสนับสนุนจากหะดีษกระแสอื่นจนมีน้ำหนักอยู่ในขั้นเชื่อถือได้) ...
(14.) اَلْمَوْتُ فِيْ سَبِيْلِ الدِّفَاعِ عَنِ الْمَالِ الْمُرَادِ غَصْبُهُ : การตายเพื่อปกป้องทรัพย์สินที่จะถูกโจรกรรม
ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ....
( مَنْ قُتِلَ دُوْنَ مَالِـِه .. [وَفِيْ رِوَايَةِ أبِيْ دَاوُدَ : مَنْ أُرِيْدَ مَالُهُ بِغَيْرِحَقٍّ فَقَاتَلَ، فَقُتِلَ ] فَهُوَشَهِيْدٌ)..
“ผู้ใดที่ถูกฆ่าเพราะปกป้องทรัพย์สินของเขา .. (ในสำนวนจากการรายงานของท่านอบูดาวูดกล่าวว่า : ผู้ใดที่ทรัพย์สินของเขาถูกหมายปองโดยไม่ชอบธรรม แล้วเขาก็ปกป้องมันจนถูกฆ่าตาย) เขาก็คือ ชะฮีด” ....
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์ท่านอิบนุมาญะฮ์ และท่านอะห์มัด โดยรายงานมาจากท่านอับดุลลอฮ์ บิน อัมรฺ ร.ฎ.) ...
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ. ได้รายงานมาว่า ...
( جَاءَرَجُلٌ إلىَ رَسُوْلِ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَقَالَ : يَا رَسُوْلَ اللَّـهِ! أرَأيْتَ إنْ جَاءَرَجُلٌ يُرِيْدُ أَخْذَ مَالِيْ ؟ قَالَ : فَلاَ تُعْطِهِ مَالَكَ ، قَالَ : أرَأيْتَ إنْ قَاتَلَنِيْ ؟ .. قَالَ : قَاتِلْهُ ! قَالَ : أرَأيْتَ إنْ قَتَلَنِيْ ؟ .. قَالَ : فَأَنْتَ شَهِيْدٌ، قَالَ : أرَأيْتَ إنْ قَتَلْتُهُ ؟ قَالَ : هُوَفِي النَّارِ )
“ชายผู้หนึ่งได้ไปหาท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วถามว่า โอ้ ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ! ท่านจะว่าอย่างไรหากมีใครสักคนประสงค์จะช่วงชิงทรัพย์สินของฉัน?, .... ท่านรอซู้ลฯ ก็ตอบว่า : ท่านก็อย่าให้ทรัพย์สินของท่านแก่เขาซิ, .. ชายผู้นั้นถามต่อไปว่า : ถ้าหากเขาต่อสู้ (คือ ใช้กำลัง) กับฉันล่ะ ? ... ท่านรอซู้ลฯ ก็ตอบว่า : ท่านก็ต่อสู้กับเขาซิ, .. ชายผู้นั้นถามอีกว่า : หากเขาฆ่าฉันตายล่ะ ? .. ท่านรอซู้ลฯ ตอบว่า : ท่านก็คือชะฮีดคนหนึ่ง, ... เขาถามอีกต่อไปว่า : แล้วหากฉันไปฆ่าเขาตายล่ะ ? .. ท่านรอซู้ลฯ ก็ตอบว่า : เขาก็ต้องลงนรกนะซิ” ....
(บันทึกโดย ท่านมุสลิม, ท่านอัน-นซาอีย์ และท่านอะห์มัด) ....
(15, 16.) اَْلمَوْتُ فِيْ سَبِيْلِ الدِّفَاعِ عَنِ الدِّيْنِ وَالنَّفْسِ : การตายเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของศาสนาและชีวิต
ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ....
( مَنْ قُتِلَ دُوْنَ مَالِهِ فَهُوَ شَهِيْدٌ، وَمَنْ قُتِلَ دُوْنَ أهْلِهِ فَهُوَ شَهِيْدٌ، وَمَنْ قُتِلَ دُوْنَ دِيْنِهِ فَهُوَ شَهِيْدٌ، وَمَنْ قُتِلَ دُوْنَ دَمِهِ فَهُوَ شَهِيْدٌ )
“ผู้ใดที่ถูกฆ่า เพราะปกป้องทรัพย์สินของเขา เขาก็คือชะฮีด, ผู้ใดที่ถูกฆ่าเพราะปกป้องครอบครัวของเขา เขาก็คือชะฮีด, ผู้ใดที่ถูกฆ่าเพราะปกป้องศาสนาของเขา เขาก็คือชะฮีด, และผู้ใดที่ถูกฆ่าเพราะปกป้องชีวิตของเขา เขาก็คือชะฮีด” ....
(บันทึกโดยท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, และท่านอะห์มัด โดยรายงานมาจากท่าน สะอีด บิน ซัยด์ ร.ฎ.) ....
(17.) اَلْمَوْتُ مُرَابِطاً فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ : การตายขณะรักษาป้อมหรือค่ายเพื่อทำหน้าที่พิทักษ์ความปลอดภัยให้พี่น้องมุสลิมจากศัตรู
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( رِبَاطُ يَوْمٍ وَلَيْلَةٍ خَيْرٌمِنْ صِيَامِ شَهْرٍوَقِيَامِهِ، وَإِنْ مَاتَ جَرَى عَلَيْهِ عَمَلُهُ الَّذِيْ كَانَ يَعْمَلُهُ، وَأُجْرِيَ عَلَيْهِ رِزْقُهُ، وَأَمِنَ الْفُتَّانَ )
“การพิทักษ์ป้อมค่ายเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน ประเสริฐกว่าการถือศีลอดสุนัตและการนมาซสุนัตยามค่ำคืนหนึ่งเดือน, และหากเขาเกิดตายลงไป งาน(ความดี)ที่เขากำลังปฎิบัติอยู่ก็จะคงดำเนินต่อไป (คือจะไม่ขาดตอนเหมือนผู้อื่น), และริซกีของเขาก็จะถูกประทานให้ต่อไป(ในหลุมฝังศพของเขา) .. และเขาจะปลอดภัยจากการทดสอบต่างๆ(ในหลุมฝังศพ)” ...
(บันทึกโดย ท่านมุสลิม, ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-หากิม และท่านอะห์มัด โดยรายงานมาจากท่านซัลมาน อัล-ฟาริซีย์ ร.ฎ.) .......
ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ยังกล่าวอีกว่า ..... .
( كُلُّ مَيِّتٍ يُخْتَمُ عَلىَ عَمَلِهِ إلاَّ الَّذِيْ مَاتَ مُرَابِطًا فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ، فَإنَّهُ يُنْمَى لَهُ عَمَلُهُ إلَى يَوْمِ اْلقِيَامَةِ، وَيَأْمَنُ فِتْنَةَ الْقَبْرِ )
“ผู้ตายทุกคน งาน(ที่ดี)ของเขาจะถูกตีตรา (คือยุติลง, ทันทีที่สิ้นชิวิต)... ยกเว้นผู้ที่ตายขณะพิทักษ์ป้อมค่ายในสงครามสะบีลิลลาฮ์, เพราะงานดังกล่าวของเขาจะถูกให้เจริญงอกงามต่อไปจนถึงวันกิยามะฮ์, และเขาก็จะปลอดภัยจากการทดสอบในหลุมฝังศพด้วย” ....
(บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัลหากิม และท่านอะห์มัด โดยรายงานมาจากท่านฟุฎอละฮ์ บิน อุบัยด์ ร.ฎ.) ....
(18.) اَلْمَوْتُ عَلَى عَمَلٍ صَالِحٍ : การตายขณะกำลังประกอบความดี
ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( مَنْ قَالَ لاَ إلَهَ إلاَّاللَّـهُ، إبْتِغَاءَوَجْهِ اللَّـهِ خُتِمَ لَهُ بِـهَا دَخَلَ الْجَنَّةَ، وَمَنْ صَامَ يَوْمًا إبْتِغَاءَ وَجْهِ اللَّـهِ خُتِمَ لَهُ بِـهَا دَخَلَ الْجَتَّةَ، وَمَنْ تَصَدَّقَ بِصَدَقَةٍ إبْتِغَاءَ وَجْهِ اللَّـه ِخُتِمَ لَهُ بِـهَا دَخَلَ الْجَنَّةَ )
“ผู้ใดที่กล่าวว่า لاَإلَهَ إلاَّ اللَّـهُ โดยปรารถนาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ซึ่งเขาถูกกำหนดวาระสุดท้าย (คือสิ้นชีวิต) ด้วยคำนั้น (คือ หลังจากกล่าวคำนั้น) เขาก็จะได้เข้าสวรรค์, ผู้ใดถือศีลอดหนึ่งวันโดยปรารถนาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ซึ่งเขาถูกกำหนดวาระสุดท้าย ด้วยสิ่งนั้น (คือ ตายขณะถือศีลอดวันนั้น) เขาก็จะได้เข้าสวรรค์, และผู้ใดบริจาคทานอย่างหนึ่ง โดยปรารถนาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์, ซึ่งเขาถูกกำหนดวาระสุดท้ายด้วยสิ่งนั้น (คือหลังจากบริจาคทานครั้งนั้น) เขาก็จะได้เข้าสวรรค์”
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด,.. โดยรายงานมาจากท่านหุซัยฟะฮ์ บิน อัล-ยะมาน ร.ฎ.) ....
สรุป .
จากบรรดาเครื่องหมายของการ “ตายดี” ดังที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า มีผู้ที่ได้ชื่อว่า ตายในลักษณะ “ชะฮีด” อยู่หลายประเภทด้วยกัน ซึ่งพอจะ สรุปได้ดังนี้ ...
1. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะการสู้รบในบริเวณสมรภูมิของสงครามสะบีลิลลาฮ์
2. ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บด้วยบาดแผลไม่ฉกรรจ์จากสมรภูมิดังกล่าว แล้วเสียชีวิต
ด้วยพิษบาดแผลนั้นภายหลัง .....
3. ผู้ที่เสียชีวิตขณะมุ่งหน้าไปทำสงครามสะบีลิลลาฮ์
4. ผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคระบาดร้ายแรง เช่นอหิวาตกโรค หรือกาฬโรค เป็น
ต้น .....
5. ผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคในช่องท้อง เช่น โรคบิด, โรคท้องบวม เป็นต้น
6. ผู้ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ
7. ผู้ที่เสียชีวิตจากการถูกอาคารถล่มหรือพังทับตาย
8. สตรีที่เสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์ หรือเพราะสาเหตุการคลอดบุตร
9. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะถูกไฟคลอกตาย
10. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
11. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะเป็นวัณโรค
12. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะต่อสู้ปกป้องทรัพย์สินจากผู้ร้าย
13. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะต่อสู้เพื่อปกป้องศักด์ศรีของศาสนา
14. ผู้ที่เสียชีวิตเพราะต่อสู้ป้องกันชีวิตตนเองหรือครอบครัว
15. ผู้ที่เสียชีวิตขณะทำหน้าที่พิทักษ์ป้อมค่าย เพื่อรักษาความปลอดภัยให้
บรรดามุสลิมจากการโจมตีของกาฟิรฺ ......
จากบรรดาผู้ที่ตาย “ชะฮีด” เหล่านี้ทั้งหมด ตั้งแต่ประเภทที่ 2 เป็นต้นมา, (ยกเว้นประเภทแรก) .. เรียกว่า “ชะฮีด อาคิเราะฮ์”, ... หมายความว่า เขาจะได้รับการตอบแทนและผลบุญจากพระองค์อัลลอฮ์ในวันอาคิเราะฮ์ เหมือนกับผู้
ที่ตายในสมรภูมิสะบีลิลลาฮ์ทุกประการ .....
ส่วนในโลกนี้, ตลอดจนการจัดการเกี่ยวกับศพของเขา ก็ให้ปฏิบัติเหมือนกับผู้ตายทั่วๆไป คือ วาญิบต้องอาบน้ำให้, ห่อผ้า, นมาซ แล้วนำไปฝังตามปกติ .....
สำหรับ “ชะฮีด” ประเภทแรก, คือ ผู้ที่ตายในสมรภูมิสะบีลิลลาฮ์ เรียกว่า “ชะฮีดทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์” ....
ผู้ตายในลักษณะดังกล่าวนี้ ห้ามอาบน้ำหรือล้างคราบเลือดที่ตัวของเขาออก, แต่ให้ฝังเขาด้วยชุดที่เขาสวมใส่ขณะสู้รบและตายในชุดนั้น ....
ส่วนเรื่องที่ว่า... “วาญิบจะต้องนมาซญะนาซะฮ์ให้เขาด้วยหรือไม่?”... นั้นปรากฏว่า นักวิชาการทั้งหมด มีทัศนะสอดคล้องกันว่า ไม่วาญิบนมาซญะนาซะฮ์ให้ผู้ที่ตายชะฮีดในสนามรบ, และไม่มีข้อขัดแย้งใดๆในเรื่องนี้ ...
แต่ถ้าถามว่า จะอนุญาตให้นมาซแก่เขาได้หรือไม่ ? ...
คำตอบคือ นี่คือทัศนะที่ขัดแย้งกันของนักวิชาการ! ....
เพราะถึงแม้จะมีหะดีษที่ถูกต้องบางบท รายงานมาว่า ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม มิได้นมาซญะนาซะฮ์ให้แก่ผู้ตายในคราวสงครามอุหุด เมื่อปี ฮ.ศ. 3 ..
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีหะดีษที่ถูกต้องหลายบทยืนยันมาเช่นกันว่า ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม เคยนมาซญะนาซะฮ์ให้แก่ผู้ตายชะฮีดในสมรภูมิอุหุด และสมรภูมิบางแห่งด้วยเหมือนกัน ...
ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักวิชาการจำนวนมากที่มีทัศนะว่า การนมาซญะนาซะฮ์ให้ผู้ตายชะฮีด เป็นเรื่องอนุญาต .. คือ จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้, ซึ่งแตกต่างกับการนมาซญะนาซะฮ์ผู้ตายโดยทั่วๆไปที่ “วาญิบ” หรือจำเป็น ต้องนมาซให้... ดังกล่าวมาแล้ว ....
(โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือ “อะห์กามุ้ล ญะนาอิซ” ของท่าน อัล-อัลบานีย์ หน้า 81-83, และหนังสือ “นัยลุ้ล เอาฏ็อรฺ” ชองท่านอัช-เชากานีย์ เล่มที่ 4 หน้า 78-82 เป็นต้น) .....
ท่านอิบนุ้ลก็อยยิม อัล-ญูซียะฮ์ ได้กล่าวในหนังสือ “ตะฮ์ซีบ อัส- สุนัน” เล่มที่ 4 หน้า 295 ว่า ....
( وَالصَّوَابُ فِي الْمَسْأَلَةِ أنَّـهُ مُخَيَّرٌ بَيْنَ الصَّلاَةِ عَلَيْهِمْ وَتَرْكِهِا، لِمَجِئْ ِاْلأثَارِبِكُلِّ وَاحِدٍ مِنَ اْلأمْرَيْنِ )
“ที่ถูกต้องจากปัญหานี้ (การนมาซญะนาซะฮ์ให้แก่ผู้ตายชะฮีด) ก็คือ ให้เลือกเอาว่า จะนมาซให้พวกเขา หรือจะไม่นมาซให้, ทั้งนี้ เพราะมีหลักฐานรายงานมาทั้งสองอย่าง......”
( อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย),
ฝ่ายวิชาการศาสนาโรงเรียนอัล-มูวาห์ฮิดีน และชมรมมุสลิมสัมพันธ์ภาคใต้.
พฤหัสบดี ที่ 8 กันยายน 2548



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น