อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เครื่องหมายการตายดี ตอนที่ 1


โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย

عَلاَمَاتُ حُسْـنِ الْخَاتِمَة
(เครื่องหมายการตายดี ตอนที่ 1)

“ความตาย”..... มิใช่วาระสุดท้ายของชีวิตอย่างแท้จริงตามทัศนะอิสลาม, แต่
เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของชีวิตอันอมตะและถาวรเท่านั้น ...
ดังนั้น ที่พูดกันว่า ความตาย เป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ จึงหมายถึง จุดจบ
จากชีวิตชั่วคราวแห่งโลกนี้, มิใช่จุดจบอย่างแท้จริงของชีวิตแต่อย่างใด ....
เพราะหลังจากนั้น มนุษย์ก็ต้องกลับไปเผชิญกับพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับการตัดสินจากพระองค์ในการกระทำต่างๆของเขาในอดีต - ขณะมีชีวิตอยู่ในโลกชั่วคราวนี้ - ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่ว ...
หากความดีของเขามีมากกว่า เขาก็จะได้รับการตอบแทนด้วยสรวงสวรรค์อันแสนบรมสุข และแสนสำราญของพระองค์ อย่างที่จักษุ, โสต และมโนภาพใดๆของมนุษย์ ไม่เคยได้สัมผัสหรือคาดคิดมาก่อน ...
แต่หากความชั่วของเขามีมากกว่าความดี แน่ละผลตอบแทนของเขาก็คือขุมนรกอันแสนเจ็บปวดและแสนทรมาน ชนิดไม่มีอะไรเทียบเท่าเช่นเดียวกัน ....
ยิ่งถ้าหากความชั่วนั้นคือการปฏิเสธศรัทธา หรือการตั้งภาคีกับพระองค์แล้วไซร้
“นรก” ก็จะเป็นที่พำนักอันถาวรสำหรับเขา ...
ดังนั้น มนุษย์ทุกรูปทุกนามจึงหวาดกลัวโทษทัณฑ์จากนรก และปรารถนาสรวงสวรรค์ ....
และทุกคน ก็อยากจะรู้อีกเช่นกันว่า การตายจากโลกนี้ของตน เป็นไปใน
ลักษณะใด ? .. ดีหรือชั่ว ? ....
แล้วพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ก็ได้สนองตอบความต้องการของมนุษย์ - ผ่านทางศาสนทูตของพระองค์ - โดยการแจ้งให้ทราบถึง “สัญลักษณ์แห่งการตายดี” ไว้หลายประการดังต่อไปนี้ ...
(1.) مَنْ نَطَقَ بِالشَّهَادَتَيْنِ عِنْدَاْلمَوْتِ : ผู้ซึ่งกล่าวปฏิญาณ (ชะฮาดะฮ์) ตอนจะตาย ,
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ....
لقِّنُوْامَوْتَاكُمْ لاَإلَـهَ إلاَّاللًّـهُ، (مَنْ كَانَ اخِرُكَلاَمِهِ لاَإلَـهَ إلاَّاللَّـهُ عِنْدَالْمَوْتِ دَخَلَ الْجَـنَّةَيَوْمًامِنَ الدَّهْـرِ، وَاِنْ أصَابَهُ قَبْلَ ذَلِكَ مَاأصَابَهُ)......
“จงสอนผู้ที่ใกล้จะตายจากพวกท่านให้เขากล่าว ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ !
(เพราะผู้ใดก็ตามที่คำพูดสุดท้ายของเขาก่อนตายคือ ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ เขาก็ต้องได้เข้าสวรรค์แน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง,... แม้ว่าเขาจะต้องประสบกับสิ่งซึ่งเขาจำเป็นต้องประสบก่อนหน้านั้นก็ตาม)” ... (หมายถึงเขาอาจจะต้องผ่านการลงนรกก่อนเพราะทำบาปมากเกินไป แต่สุดท้าย ก็จะได้เข้าสวรรค์) ...
(บันทึกโดย ท่านอิบนุ หิบบาน ในหนังสือ “มะวาริด อัศ-ศ็อมอาน” หะดีษที่ 719 โดยรายงานมาจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ.) ...
(2.) اَلْمَوْتُ بِرَشْحِ الْجَبِيْنِ : การตายโดยมีเหงื่อหยดซึมที่หน้าผาก ....
มีรายงานมาจากท่านบุร็อยดะฮ์ บิน อัล-คุศ็อยบ์ ร.ฎ. ว่า .....
( أنَّهُ كَانَ بِخُرَاسَـانَ، فَعَادَ أخـًالَهُ وَهُوَ مَرِيْضٌ، فَوَجَدَهُ بِالْمَوْتِ،. وَإذَا هُوَ بِعَرَقِ جَبِيْـنِهِ، فَقَالَ : اَللَّـهُ أكْبَرُ! سَمِعْتُ رَسُوْلَ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُوْلُ : مَوْتُ المْـُؤْمِنِ بِعَرَقِ الْجَبِيْـنِ )..
“ท่าน(บุร็อยดะฮ์) เคยอยู่ที่เมืองคูรอซาน, แล้วท่านก็ได้ไปเยี่ยมพี่น้องของท่านคนหนึ่งซึ่งกำลังป่วยอยู่ และพบว่าเขากำลังจะสิ้นใจ, แล้วจู่ๆก็ปรากฏมีเหงื่อไหลซึมที่หน้าผากของเขา .. ท่านจึงอุทานว่า .. “อัลลอฮุ อักบัร ! ฉันเคยได้ยินท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ... “ การตายของผู้ศรัทธานั้น ด้วยการมีเหงื่อที่หน้าผาก” ....
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด, ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอิบนุ
มาญะฮ์และท่านอื่นๆ) ...
(3.) اَلْمَوْتُ لَيْلَةَ الْجُمْعَةِِ اَوْنَهَارَهَـا : การตายในคืนศุกร์หรือวันศุกร์
ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( مَامِنْ مُسْلِمٍ يَمُوْتُ يَوْمَ الْجُمْعَةِ أوْلَيْلَةَ الْجُمْعَةِ إلاَّ وَقَاهُ اللَّـهُ فِتْنَـةَ اْلقَبْرِ )
“ไม่มีมุสลิมคนใดที่ตายในวันศุกร์หรือคืนศุกร์ เว้นแต่พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. จะทรงปกป้องเขาจากการทดสอบในกุบูรฺ”
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด และท่านอัต-ติรฺมีซีย์ โดยรายงานมาจากท่านอับดุลลอฮ์ บิน อัมร์ ร.ฎ.) ...
(4.) ألاِ سْتِشْهًادُفِىْ سَـاحَةِ الْقِتَالِ : การตายชะฮีดในสนามรบ
ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า .....
( لِلشَّهِيْدِ عِنْدَاللَّـهِ سِتُّ خِصَالٍ : يُغْفَرُلَـهُ فِىْ أوَّلِ دَفْعَةٍ مِنْ َدِمِه، وَيُرَى مَقْعَدَهُ مِنَ الْجَنَّةِ، وَيُجَارُمِنْ عَذَابِ اْلَقْبِر، وَيَأمَنُ مِنْ اْلفَزَعِ اْلأكْبَرِ، وَيُحَلَّى حِلْيَةَ اْلإيْمَانِ، وَيُزَوَّجُ مِنَ الْحُوْرِ اْلعَيْنِ، وَيُشَفَّعُ فِيْ سَبْعِيْنَ إنْسَانًا مِنْ أقَارِبِـهِ )
“ สำหรับผู้ที่ตายชะฮีดนั้น ..... เขาจะได้รับณที่อัลลอฮ์ 6 ประการด้วยกันคือ จะได้รับการอภัยโทษตั้งแต่เลือดหยดแรกที่หลั่งออกมา, จะถูกให้เห็นที่พำนักของเขาในสวรรค์, จะถูกปกป้องจากโทษทัณฑ์ในหลุมฝังศพ, จะปลอดภัยจากความตระหนกตกใจครั้งใหญ่ที่สุด (หมายถึงเหตุการณ์แห่งวันกิยามะฮ์), จะถูกประดับประดาด้วยอาภรณ์แห่งความศรัทธา, จะถูกให้แต่งงานกับสาวสวรรค์, และจะมีสิทธิ์ชะฟาอะฮ์ (ให้ความสงเคราะห์) ญาติใกล้ชิดของเขาอีก 70 คน” ....
(บันทึกโดย ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์ และท่านอิบนุมาญะฮ์ โดยรายงานมาจากท่านอัล-มิกดาม บิน มะอฺดีย์กะริบ ร.ฎ.) ...
(5.) ألْمَوْتُ غَازِيًا فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ : การตายขณะเคลื่อนทัพเพื่อมุ่งหน้าจะไปทำสงครามตามวิถีทางแห่งอัลลอฮ์
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ...
( مَنْ فَصَلَ (أىْ خَرَجَ) فِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ فَمَاتَ أوْقُتِلَ فَهُوَ شَهِيْدٌ، أوْوَقَصَهُ فَرَسُهُ أوْبَعِيْرُهُ، أوْ لَدَغَتْـهُ هَـامَّةٌ، أوْمَاتَ عَلَى فِرَاشِـهَ بِأيِّ حَتْفٍ شَـاءَاللَّـهُ فَإنَّهُ شَهِيْدٌ، وَإنَّ لَهُ الْجَنَّةَ )
“ผู้ใดที่ออกไป(เพื่อทำสงคราม)ในวิถีแห่งอัลลอฮ์ แล้วเขาเกิดตาย(ในระหว่างทาง) หรือถูกสังหาร เขาก็คือชะฮีด, ... หรือ(เขาตายเพราะถูก)ม้าหรืออูฐของเขาเหยียบ หรือถูกอสรพิษฉกกัด, ...หรือตายบนที่นอนของเขาในสภาพใดก็ตามที่อัลลอฮ์ประสงค์ เขาก็คือชะฮีด,.... และแน่นอน สำหรับเขาก็คือสรวงสวรรค์” ...
(บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด, ท่านอัล-หากิม และท่านอัล-บัยฮะกีย์ โดยรายงานมาจากท่าน อบูมาลิก อัล-อัชอะรีย์ ร.ฎ.) ....
(6.) اَلْمَوْتُ بِالطَّاعُوْنِ : การตายเพราะโรคระบาด เช่น อหิวาต์ หรือ กาฬโรค
ท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยกล่าวตอบท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. เมื่อนางได้ถามท่านถึงโรคระบาดว่า ...
( إنَّهُ كَانَ عَذَابًا يَبْعَثُهُ اللَّـهُ عَلَى مَنْ يَشَـاءُ، فَجَعَلَهُ اللَّـهُ رَحْمَـةً لِلْمُؤْمِنِيْنَ، فَلَيْسَ مِنْ عَبْدٍ يَقَعُ الطَّاعُوْنُ فَيَمْكُثُ فِيْ بَلَدِهِ صَابِرًا يَعْلَمُ أنَّهُ لَنْ يُصِيْبَهُ إلاَّ مَاكَتَبَ اللَّـهُ لَهُ، إلاَّ كَانَ لَهُ مِثْلُ أجْرِالشَّهِيْدِ) ....
“แท้จริงมันคือการลงโทษที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงให้บังเกิดแก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์, แล้วพระองค์อัลลอฮ์ก็ทรงทำให้มันกลับเป็นความเมตตาสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา,.... ดังนั้น จะไม่มีบ่าวคนใดที่เผชิญกับโรคระบาด แล้วเขาก็ยังคงพำนักอยู่ในเมืองนั้นต่อไปด้วยความอดทน (โดย)รู้ดีว่า จะไม่มีสิ่งใดประสบต่อผู้ใดนอกจากเป็นการกำหนดของพระองค์อัลลอฮ์ต่อเขาผู้นั้น ... เว้นแต่เขาจะได้รับผลบุญเสมือนผลบุญของคนตายชะฮีด” ...
(บันทึกโดย ท่านบุคอรีย์, ท่านอะห์มัด และท่านอัล-บัยฮะกีย์) ....
ท่านอนัส อิบนุ มาลิก ร.ฎ. ได้เคยถามท่านหัฟเศาะฮ์ บินติ ซีรีนถึงสาเหตุการเสียชีวิตของท่านยะห์ยา บิน อบีย์อัมเราะฮ์ ? ... เมื่อนางตอบว่า ท่านยะห์ยาสิ้นชีวิตเพราะโรคระบาด ท่านอนัสจึงกล่าวว่า ....
( قَالَ رَسُوْلُ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسلَّمَ : اَلطَّاعُوْنُ شَهَادَةٌ لِكُلِّ مُسْلِمٍ )
“ท่านรอซู้ลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม เคยกล่าวว่า : โรคระบาดนั้น (เปรียบเสมือน) เป็นชะฮีดสำหรับมุสลิมทุกคน” ....
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านอะห์มัด และท่านอบูดาวูด อัฏ-เฏาะยาลิซีย์)
(7.) اَلْمَوْتُ بِدَاءِ الْبَطْنِ : การตายเพราะโรคในช่องท้อง เช่น โรคบิด หรือโรคท้องบวม เป็นต้น
ท่านอับดุลลอฮ์ บิน ยะซารฺ ได้กล่าวว่า ....
( كُنْتُ جَالِسًا، وَسُلَيْمَانَ بْنَ صَرْدٍ وَخَاِلدَ بْنَ عَرْفَطَةَ، فَذَكَرُوْا أنَّ رَجُلاً تُوُفِّيَ، مَاتَ بِبَطْنِهِ، فَإذَا هُمَا يَشْتَهِيَانِ أنْ يَكُوْنَا شُهَدَاءَ جَنَازَتِهِ، فَقَالَ أحَدُهُمَا لِلأ خَرِ : ألَمْ يَقُلْ رَسُوْلُ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ .. " مَنْ يَقْتُلْهُ بَطْنُهُ فَلَنْ يُعَذَّبَ فِيْ قَبْرِهِ ؟ " فَقَالَ اْلأ خَرُ : بَلَى ! )
“ฉันได้นั่งอยู่พร้อมกับท่านสุลัยมาน บิน ศ็อรฺด์ และท่านคอลิด บิน อัรฺฟะเฏาะฮ์ และพวกเขาก็ได้กล่าวถึงชายผู้หนึ่งซึ่งสิ้นชีวิตเพราะโรคในช่องท้อง, แล้วอยู่ๆทั้งสองก็แสดงท่าทีอยากจะไปร่วมในงานศพของชายผู้นั้นด้วย,..... ทว่า หนึ่งจากสองคนนั้นได้กล่าวแก่อีกคนหนึ่งว่า “เอ๊ะ, ดูเหมือนท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมจะได้เคยกล่าวไว้มิใช่หรือว่า ผู้ใดก็ตามที่ตายด้วยโรคในช่องท้อง เขาก็จะไม่ถูกลงโทษในหลุมฝังศพของเขา ?” ... แล้วอีกคนก็กล่าวรับรองว่า “ใช่แล้ว” ...
(บันทึกโดย ท่านอัน-นซาอีย์, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอบูดาวูด อัฏ-เฏาะยาลิซีย์, ท่านอิบนุหิบบาน, ท่านอะห์มัด) ....
(8, 9.) اَلْمَوْتُ بِاْلغَرَقِ وَاْلهَدْمِ : ตายเพราะจมน้ำ, หรืออาคารถล่มทับ
ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า .....
( اَلشُّهَدَاءُ خَمْسَةٌ، اَلْمَطْعُوْنُ، وَالْمَبْطُوْنُ، وَالْغَرِقُ، وَصَاحِبُ اْلهَدْمِ، وَالشَّهِيْدُفِيْ سَبِيْلِ اللَّـهِ)
“คนตายชะฮีดนั้น มี 5 ประเภท, คือ ผู้ที่เป็นโรคระบาดตาย, ผู้ที่เป็นโรคในช่องท้องตาย, ผู้ที่จมน้ำตาย, ผู้ที่บ้านพังทับตาย, และผู้ที่ตายในสงครามสะบีลิลลาฮ์”
(บันทึกโดย ท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอะห์มัด และท่านอัต-ติรฺมีซีย์
โดยรายงานมาจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ.) ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น