อีดิลอัฎหาฮ์มุสลิมทั่วโลกแยกกันไม่ได้กับการวูกุฟที่อารอฟะฮุของประเทศ ซาอุดิอาระ
โดย อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย
3. แม่จะปรากฎว่า บรรดาเศาะหาบะฮ์จะพำนักอยู่ในเมืองหรือประเทศต่างๆใน สมัยก่อน ได้กำหนดเอาวันที่ 9 เดือนชุลหิจญะฮ์เป็นวันถือศิลอดอะรอฟะอ้ และวันที่ 10 เป็นวันนมาชอัลลอัฎหาอ้ในเมืองหรือประเทศของพวกท่านเอง (ซึ่งอาจจะตรงหรือไม่ ตรงกับวันอะรอฟะฮ์และวันอัฎหาฮ์ดามการกำหนดของมักกะอ้ก็ได้) .-.
แต่ข่อเท็จจรงก็คือ ไม่ปรากฏมีหลักฐานจากหะคิษบทใดเลยที่กล่าวว่า บรรดา เศาะหาบะฮเหล่านั้น “จงใจและเจดนา” จะถอศีลอดอะรอฟะฮ์หรือนมาชอีดิ้ดอัฎ-หาฮ์ใน ว้นที่ 9 และวันที่ 10 ซึ่งได้กำหนดโดยประเทศของดนเอง ทั่งๆที่(เหมือนพวกเราใน ปัจจุบัน) แล้วว่า วันอะรอฟะฮและวันอัฎหาฮ์ของมักกะฮ์ ดรงกับวันอะไร .
แน่นอน, คำกล่าวที่ว่า บรรดาเศาะห่าบะฮ์ซึ่งพำนักอยู่ในเมืองอื่นจงใจจะไม่ถีอ ศิลอดและนมาชอีดตามวันอะรอฟะส์และวันอัฎหาอ์ของมักกะฮ์ทั่งๆที่.. เป็นสิ่งไม่มีหลักฐานอ้าง นอกจากการคาดเดาเอาเอง .1.
ทว่า, กรณ์นี้ มี إِحْتِمَالคือ “ความเป็นไปได้ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะพวกท่าน (ซึ่งก็เหนือนกับพวกเราในอดีดด้วย)ไม่รู้ และไมได้รับทราบข่าว การกำหนดวันอะรอฟ๊ะอ์และวันอัฎหาฮ์จากนครมักกะฮ์ ทันเวลา -. อันเนื่องมาจากความ ห่างไกลและความล่าช้าของการสื่อสารในสมัยโบราณ.-.
การ إِحْتِمَال ดังกล่าวนี้มีนํ้าหนักแห่งความถูกต้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม หาก
จะนำเอาสภาพการณ์ในอดีตของพวกเราเองเมื่อไม่กี่สิบก่อนหน้านี้ มาเป็นบรรทัดฐาน ในการเปรียบเทียบ ..1
ขนาดพวกเราเมื่อไม่กี่สืบปีก่อนซึ่งระบบการสื่อสารต่างๆขณะนั้นถือว่าก้าวหน้า และทันสมัยอยู่ในระดับใช้ได้แล้ว ก็ยังทราบข่าววันอะรอฟ์และวันอัฎหาฮ์ของมักกะฮ์ล่าช้าและไม่ทันเวลา จึงต้องกำหนดเอาวันที่ 10 เดือนชุลหิจญะฮของประเทศไทย เองเป็นวันนมาชอีดิ๋ลอัฎหาฮ์. เหมือนกันทั้งคณะใหม่และคณะเก่า! 1..
แล้วลองคิคดูว่า บรรดาเศาะหาบะฮซึ่งเคยมีชีวิตเมื่อพันสี่ร้อยกว่าปีก่อน จะ รับทราบข่าววันอะรอฟะอ์และวันอัฎหาอ์ของมักกะฮล่าช้าสักขนาดไหน ???..-
จะอย่างไรก็ตาม แม่'จะไม่สามารถรับรู้วันอะรอฟะฮ์และวันอัฎหาฮ์ได้ของมักกะฮ์ ได้ทัน เวลาก็จริง..-
แต่ข่อเท็จจรงก็คือ ไม่ปรากฏมีหลักฐานจากหะคิษบทใดเลยที่กล่าวว่า บรรดา เศาะหาบะฮเหล่านั้น “จงใจและเจดนา” จะถอศีลอดอะรอฟะฮ์หรือนมาชอีดิ้ดอัฎ-หาฮ์ใน ว้นที่ 9 และวันที่ 10 ซึ่งได้กำหนดโดยประเทศของดนเอง ทั่งๆที่(เหมือนพวกเราใน ปัจจุบัน) แล้วว่า วันอะรอฟะฮและวันอัฎหาฮ์ของมักกะฮ์ ดรงกับวันอะไร .
แน่นอน, คำกล่าวที่ว่า บรรดาเศาะห่าบะฮ์ซึ่งพำนักอยู่ในเมืองอื่นจงใจจะไม่ถีอ ศิลอดและนมาชอีดตามวันอะรอฟะส์และวันอัฎหาอ์ของมักกะฮ์ทั่งๆที่.. เป็นสิ่งไม่มีหลักฐานอ้าง นอกจากการคาดเดาเอาเอง .1.
ทว่า, กรณ์นี้ มี إِحْتِمَالคือ “ความเป็นไปได้ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะพวกท่าน (ซึ่งก็เหนือนกับพวกเราในอดีดด้วย)ไม่รู้ และไมได้รับทราบข่าว การกำหนดวันอะรอฟ๊ะอ์และวันอัฎหาฮ์จากนครมักกะฮ์ ทันเวลา -. อันเนื่องมาจากความ ห่างไกลและความล่าช้าของการสื่อสารในสมัยโบราณ.-.
การ إِحْتِمَال ดังกล่าวนี้มีนํ้าหนักแห่งความถูกต้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม หาก
จะนำเอาสภาพการณ์ในอดีตของพวกเราเองเมื่อไม่กี่สิบก่อนหน้านี้ มาเป็นบรรทัดฐาน ในการเปรียบเทียบ ..1
ขนาดพวกเราเมื่อไม่กี่สืบปีก่อนซึ่งระบบการสื่อสารต่างๆขณะนั้นถือว่าก้าวหน้า และทันสมัยอยู่ในระดับใช้ได้แล้ว ก็ยังทราบข่าววันอะรอฟ์และวันอัฎหาฮ์ของมักกะฮ์ล่าช้าและไม่ทันเวลา จึงต้องกำหนดเอาวันที่ 10 เดือนชุลหิจญะฮของประเทศไทย เองเป็นวันนมาชอีดิ๋ลอัฎหาฮ์. เหมือนกันทั้งคณะใหม่และคณะเก่า! 1..
แล้วลองคิคดูว่า บรรดาเศาะหาบะฮซึ่งเคยมีชีวิตเมื่อพันสี่ร้อยกว่าปีก่อน จะ รับทราบข่าววันอะรอฟะอ์และวันอัฎหาอ์ของมักกะฮล่าช้าสักขนาดไหน ???..-
จะอย่างไรก็ตาม แม่'จะไม่สามารถรับรู้วันอะรอฟะฮ์และวันอัฎหาฮ์ได้ของมักกะฮ์ ได้ทัน เวลาก็จริง..-
แด่บรรดาเศาะหาบะฮ์เหล่านั้น (รวมทั้งพวกเราในอดีต) ก็ยังสามารถจะรู้วันที่ 9 และวันที่ 10 เดือนชุลหิจญะฮ์ - ซึ่งเป็นพี่นฐานของการกำหนดวับอะรอฟะ/และวันอัฏ หาอ์-จากการดูเดือนในเมืองหรือประเทศตนเองได้...
ดงนั้น การถือศิลอดอะรอฟะอ์ในวันที่ 9 และการนมาชอีดิลอัฎหาอ์ในวันที่
10 ตามการดูเดือนภายในประเทศตนเอง ของมุสลิมในยุคก่อนๆที่ผ่านมา จึง “เป็นสิ่งที่ ได้รบการอนุโลมและผ่อนผัน,, ตามหลักการอิสลาม ...
เพราะพระองค์ศัลลออ์ ช.บ. จะทรงใช้ให้ผู้ใด, ปฏิบัติสิ่งใด ก็หมายถึงว่าสิ่งนั้น จะต้องอยู่ภายใต้กรอบแห่ง “ความสามารถของเขา,, เท่านั้น .. ดังพระดำรัสของพระองค์ อัลลออ์ ซ.บ. ในชูเราะอึศัล-บะกอเราะอึ โองการที่ 286 ที่ว่า -. .لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا
ดงนั้น การถือศิลอดอะรอฟะอ์ในวันที่ 9 และการนมาชอีดิลอัฎหาอ์ในวันที่
10 ตามการดูเดือนภายในประเทศตนเอง ของมุสลิมในยุคก่อนๆที่ผ่านมา จึง “เป็นสิ่งที่ ได้รบการอนุโลมและผ่อนผัน,, ตามหลักการอิสลาม ...
เพราะพระองค์ศัลลออ์ ช.บ. จะทรงใช้ให้ผู้ใด, ปฏิบัติสิ่งใด ก็หมายถึงว่าสิ่งนั้น จะต้องอยู่ภายใต้กรอบแห่ง “ความสามารถของเขา,, เท่านั้น .. ดังพระดำรัสของพระองค์ อัลลออ์ ซ.บ. ในชูเราะอึศัล-บะกอเราะอึ โองการที่ 286 ที่ว่า -. .لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا
“พระองค์อัลลอฮ์จะไม่ทรงวาง “ภาระหนัก,, แก่ชีวิตใด เว้นแต่(จะให้ปฏิบัติ ตามสมรรถนะ (ความสามารถ) ของมันเท่านั้น,,
และดังคำกล่าวของท่านศาสดาบุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า ...
إِذَاأَمَرْتُكُمْ بأَمْرٍ فَأُتُوْا مِنْهُ مَا اسْتَطَعْتُمْ
“เมื่อฉันใช้ให้พวกท่านทำสิ่งใด พวกท่านก็จงทำมันเท่าที่พวกท่านสามารถ,,
การไม่สามารถทราบข่าววันอะรอฟะอ์และวันอัฎหาอ์จากมักกะอ์ได้ทันเวลา สำหรับประชาชนในสมัยก่อนชึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหรือประเทศที่ห่างไกล จึงถือเป็น ‘‘ข้อ ผ่อนผัน’,.. ตามนัยของอัล-กุรุอ่านและอัล-หะดีษข้างต้น...
แต่, ..ในยุคปัจจุบันนี้หากผู้ใดยังขืนอ่างว่า “ตนเองไม่สามารถรับรู้ข่าวสารเรื่อง วันอะรอฟะฮ์และวันอัฎหาอ์จากนครมักกะฮ์ได้ทันจึงมีสิทธิ์ได้รับการผ่อนผันเรื่องการดู เดือนเพื่อกำหนดวันนมาชอีดิ้ลอัฎหาอ์ในประเทศของดัวเอง,,. ก็คงจะเป็นเรืองทีรับฟังไม่ขึ้นและอาจะถูกข้อกล่าวหา – ตามสำนวนนักการเมืองว่า “เป็นคนพูดโกหกคำโต” แน่ๆ...
และดังคำกล่าวของท่านศาสดาบุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า ...
إِذَاأَمَرْتُكُمْ بأَمْرٍ فَأُتُوْا مِنْهُ مَا اسْتَطَعْتُمْ
“เมื่อฉันใช้ให้พวกท่านทำสิ่งใด พวกท่านก็จงทำมันเท่าที่พวกท่านสามารถ,,
การไม่สามารถทราบข่าววันอะรอฟะอ์และวันอัฎหาอ์จากมักกะอ์ได้ทันเวลา สำหรับประชาชนในสมัยก่อนชึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหรือประเทศที่ห่างไกล จึงถือเป็น ‘‘ข้อ ผ่อนผัน’,.. ตามนัยของอัล-กุรุอ่านและอัล-หะดีษข้างต้น...
แต่, ..ในยุคปัจจุบันนี้หากผู้ใดยังขืนอ่างว่า “ตนเองไม่สามารถรับรู้ข่าวสารเรื่อง วันอะรอฟะฮ์และวันอัฎหาอ์จากนครมักกะฮ์ได้ทันจึงมีสิทธิ์ได้รับการผ่อนผันเรื่องการดู เดือนเพื่อกำหนดวันนมาชอีดิ้ลอัฎหาอ์ในประเทศของดัวเอง,,. ก็คงจะเป็นเรืองทีรับฟังไม่ขึ้นและอาจะถูกข้อกล่าวหา – ตามสำนวนนักการเมืองว่า “เป็นคนพูดโกหกคำโต” แน่ๆ...
(เพราะฉะนั้น ในทัศนะของผม-(อาจจะผิดก็ได้) - ถือว่าพวกเราในประเทศ ไทยไม่มีทางเลือกอย่างอื่นในการถือศีลอดวันอะรอฟะฮ์และการนมาซวันอิดิลอัฎหาอ์ เว้นแต่จะต้องให้พร้อมกับวันอะรอฟะฮ์และวันอัฎหาอ์ของประเทศสอุดิอาระเบียเท่านั้น
อาจมีบางคนสงสัยว่า แล้วทำไมผมจึงไม่ยึดถือหลักการอย่างนี้บ้าง ในการถือศิล อดรอมะฎอนและการออกอีดิ้ลฟิตรี ??? .-.
คำตอบของผมก็คือ เพราะบรรทัดฐานของเรื่องการถือศีลอคเดือนรอมะฎอน และการนมาชวันอิดิลอัฎหาอ์ ต่างกัน ..-
ในเรื่องการถือศีลอดเดือนรอมะฎอน (และการออกอีดิลพีรี่) ท่านรอชู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะชัลลัม ได้ “อนุญาตด้วยวาจา” แล้ว ให้แต่ละเมืองหรือแต่ละ ประเทศมีสิทธิดูเดือน เพื่อกำหนดวันถือศีลอดและวันออกอีดของตนเองได้ -. ดังความ เข้าใจจากคำกล่าวของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. หลังจาก “ปฏิเสธ” ที่จะออกอีดตามการ
อาจมีบางคนสงสัยว่า แล้วทำไมผมจึงไม่ยึดถือหลักการอย่างนี้บ้าง ในการถือศิล อดรอมะฎอนและการออกอีดิ้ลฟิตรี ??? .-.
คำตอบของผมก็คือ เพราะบรรทัดฐานของเรื่องการถือศีลอคเดือนรอมะฎอน และการนมาชวันอิดิลอัฎหาอ์ ต่างกัน ..-
ในเรื่องการถือศีลอดเดือนรอมะฎอน (และการออกอีดิลพีรี่) ท่านรอชู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะชัลลัม ได้ “อนุญาตด้วยวาจา” แล้ว ให้แต่ละเมืองหรือแต่ละ ประเทศมีสิทธิดูเดือน เพื่อกำหนดวันถือศีลอดและวันออกอีดของตนเองได้ -. ดังความ เข้าใจจากคำกล่าวของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. หลังจาก “ปฏิเสธ” ที่จะออกอีดตามการ
เห็นเดือนของท่านมุอาวียะฮที่เมืองชามว่า
... هَكَذَاأمَرَنَا رَسُوْ لُ للّه صَلِّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
: “อย่างนี้แหละฑี่ท่านรอชุลุลลอฮ รุลเลาะ ศอลล๊อลลลอฮุ อะสัยฮิวะวัลสัม ได้สังใช้เรา” -..
เมื่อท่านศาสดาอนุญาต, และผู้นำของมุสลิมในประเทศนี้ ก็เลือกที่จะใช้สิทธิที่ ไต้รับการอนุญาต..ถูกต้องตาม“วิธีการ” ที่ท่านนบีย์สั่งคือการดูเดือนเสี้ยวเป็นหลัก,
และ .. เมื่อท่านศาสดาสั่งว่า มุสลิมจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำใน “สิ่งที่ ถูกด้อง”.. คือไม่ขัดกับบทบัญญัติและไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระผู้เป็นเจ้า.-.
และ.. เมื่อท่านศาสดาสั่งอีกว่า ให้มีเอกภาพในการถือศีลอดและการออกอึด -..
และ.. เมื่อบรรดานักวิชาการชุนนะฮ์ (จริงๆ) มีทัศนะที่สอดคล้องกันว่า เอกภาพ ที่ท่านนบีย์สั่ง หมายถึง “เอกภาพภายในประเทศ” ก่อนอื่นใด.-.
ลองตอบมาซิครับ ว่า.. หากพวกท่านเป็นผม ซี่งมั่นใจว่า ตัวเองมีอีหม่านและ มุ่งมั่นจะปฏิบัติตามชุนนะฮ์ของท่านรอชุ้ลุลลอฮ์ คือลสัลลอฮุ อะสัยฮิวะซัลสัมอย่าง แท้จริง, ไมไช่อ้างซุนนะฮ์เพียงลมปาก -..
พวกท่าน จะตองท่าอย่างไรในกรณีนี ???...
وَاللهُ أَعْلَمُ بِالصَّوَابِ، وَإِلَيْهِ الْمَرَخِعُ وَالْمَآبُ، وَصَلَّى الله عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍوَعَلَى آلِهِوَصَحْبِهِ وَسَلَّمَ
... هَكَذَاأمَرَنَا رَسُوْ لُ للّه صَلِّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
: “อย่างนี้แหละฑี่ท่านรอชุลุลลอฮ รุลเลาะ ศอลล๊อลลลอฮุ อะสัยฮิวะวัลสัม ได้สังใช้เรา” -..
เมื่อท่านศาสดาอนุญาต, และผู้นำของมุสลิมในประเทศนี้ ก็เลือกที่จะใช้สิทธิที่ ไต้รับการอนุญาต..ถูกต้องตาม“วิธีการ” ที่ท่านนบีย์สั่งคือการดูเดือนเสี้ยวเป็นหลัก,
และ .. เมื่อท่านศาสดาสั่งว่า มุสลิมจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำใน “สิ่งที่ ถูกด้อง”.. คือไม่ขัดกับบทบัญญัติและไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระผู้เป็นเจ้า.-.
และ.. เมื่อท่านศาสดาสั่งอีกว่า ให้มีเอกภาพในการถือศีลอดและการออกอึด -..
และ.. เมื่อบรรดานักวิชาการชุนนะฮ์ (จริงๆ) มีทัศนะที่สอดคล้องกันว่า เอกภาพ ที่ท่านนบีย์สั่ง หมายถึง “เอกภาพภายในประเทศ” ก่อนอื่นใด.-.
ลองตอบมาซิครับ ว่า.. หากพวกท่านเป็นผม ซี่งมั่นใจว่า ตัวเองมีอีหม่านและ มุ่งมั่นจะปฏิบัติตามชุนนะฮ์ของท่านรอชุ้ลุลลอฮ์ คือลสัลลอฮุ อะสัยฮิวะซัลสัมอย่าง แท้จริง, ไมไช่อ้างซุนนะฮ์เพียงลมปาก -..
พวกท่าน จะตองท่าอย่างไรในกรณีนี ???...
وَاللهُ أَعْلَمُ بِالصَّوَابِ، وَإِلَيْهِ الْمَرَخِعُ وَالْمَآبُ، وَصَلَّى الله عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍوَعَلَى آلِهِوَصَحْبِهِ وَسَلَّمَ