โดยอ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย
3. ในหน้า 145 มีข้อความตอนหนึ่งว่า “นี่แหละคือ ตัลกีน ซึ่งมีวิธีปฎิบ้ตโดยสรุปก็ค
ขอซี้แจงว่า แม้ว่านักวิชาการในมัสฮับซา
ท่านซัยยิด อบู บักรฺ อัล ชัฏฎอ ได้กล่าวไวิในหนังสือ “อิอฺานะฮ์ฯ” ว่า .-.
وَاعْلَمُ أَنَّ السُّوءَال عَا مٌّ لُِكلِّ مُكَلَّفٍ وَيَكُوْ نُ بِحَسْبِ لُغَتِهِ عَلَ الصَّنحِيْحِ
“พึงทราบเถิดว่า การสอบถาม (ของมลาอิกะฮ์) นั้น ไม่มีการยกเว้นให้แก่มุกัลล
(ดู อิอานะฮ์ ฯ เล่มที่2 หน้าที่ 139)
ท่านอบุบักร อัลชัฏฏอ ยังได้กล่าวอธิบายกฏเกณฑ์ ของมัสฮับชาฟีอีย์ไว้ในหนัง
وَأَ مَْا خِلأ فُ الصَْحيْحِ فَا لغَا لِبُ أَنَّهُ يَكُوْ نُ فَا سِدً لاَ يَجُوْ زُالأَ خْذُ بِهِ
“และอนึ่ง (ทัศนะใดๆ) ที่ขัดแย้งกับทัศนที่ถูกต้อ
ก็แสดงว่า เมือ่พวกเราที่เป็นชาวไทยแล
มีอย่างที่ไหน มลาอิกะฮ์ท่านมาสอบถามเราเป
บางคนอาจจะโต้แย้งว่า พระองค์อัลลอฮ์ ช.บ.ท่านมี ความสามารถที่จะให้เราเข้าใ
ก็ขอดอบว่า เริ่องความสามารถและเดชานุภ
4. ในหน้า 160 ท่านก็ได้นำหลักฐานของเรื่อ
عَنْ أََبِىْ أٌماَمَةَ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ قَلَ ٠٠إِ ذَا أَنامُتَّ فَاصْنَعٌوْا بِىْ كَمٌ أَمَر نَا رَ سُوْلُ اللّهِ صَلَّ اللّهُ عَلَيْهِ وَسلَّمَ فَقَالَ ٠٠٠ إِذَا مَا تَ أَ حَدٌ مِنْ إِخْوَا نَكٌمْ فَسوَّ يْتُمُ ا لتٌّر اَ بَ عَلَ قَبْرِهِ فَلْيَقٌمْ أَ حَدُ كُمْ عَلَ ر أَسِ قَبْرِهِ ثُمَْ ْليَقُلْ ٠٠
يَا فُلاَ نُ ابْنُ فُلاَ نَةَ ! فَاءِنَّهُ يَسْمَعُهُ وَلاَ يُجِيْبُ *ـــ ـ ثُمَّ يَقُوْلُ يَا فُلَا نُ ابْنُ فُلاَنَةَ فإِنَّهُ يَقُوْلُ أَرْشِدْناَ يَرْ حَمُُكَ اللّهُ وَلَكِنْ لاَ تَشْعُرُوْ نَ ــ ـ ـ فَلْيَقُلْ اُذْكُر ماَ خَرَ جْتَ عَليْهِ مِنَ الدُّ نْيَا شَهَادَةُ أَنْ لاَإِلَهَ إِلاَّ اللهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُ هُ وَرَسُوْلُهُ ' وَأَنَّكَ رَضِيْتَ بِاللَّهِ رَبًّا ' وَبِالْإِ سلاَمِ دِيْنًا وَبِعُحَمَّدٍ نَبِيًّا وَبِا لْقُرْآ نِ إِماَماً ' فَإِنَّ مُنْكَرًا وَنَكِيْرًا يأْ خُذُ كُلَّ وَاحِدٍ مِنْهُمَ بِيَدِ صَاحِبِهِ وَيَقُوْلُ ' إِنْطَلِقْ بِنَامَا يُقْعِدُنا عِنْدَ مَنْ قَدْ لُقِّنَ حُجَّتَهُ' قَالَ فَقالَ رَجُلٌ يَارَسُوْلَاللَّهِ ! فَإِلَمْ يَعْرِفْ أُ مَّهُ ؟ قَالَ: يُنْسِبُهُ إِلَى أُمِّهِ حَوَّاءَ: ياَ فُلَ نُ ابْنُ حَوَّأَ " رَوَاهُا لطَبْرَانِىّ
ความว่า “จากอบี อุมาม์ อัลบฮิลีย์ รอดิยัลฯ กล่าว่า ...เมื่อฉันตาย พวกท่านจงอระทำให้แกฉันเหมื
ในสายรายงานดังกล่าว ท่านอัลบานีย์ได้กล่าววิ่จา
" قُلْتُ: وَهَذَا اِسْنَادٌ ضَعِيْفٌ خِدًّ ، لَمْ أَعْرِفْ أَ حَدًا مِنْهُمْ غَيْرَ عُتْبَةَ بْْنِ اسَّكَنِ، قَالَ الدَّارُ قُطْنِىُّ : "مَتْرُوْكُ الْحَدِيْثِ، وَقَالً البَيْهَقِىُّ: ،وَاهٍ منْسُوْبٌ إِلىَ الوَضْعِ
“ฉันนขอก่ลาวว่า.... นี้เป็นสายรายงานที่อ่อนมาก
นอกจากนี้ท่านอัฏฏอบรอนีย์ ก็ได้บันทึกหะดิษบทนี้ไว้ใน
"رَوَاهُ ا لطَّبْرَا نِىُّ فِىْ " الْكََبِيْرَ "وَفِىْ إِسْنَا دِهِ جَمَاةٌ لَمْ أَعْرفْهُمْ "
“ท่านฏัฏ ฏอบรอนีย์ได้รายงานหะดิษนี้
(ดู มัจญมะอ์ อัส สะวาอิด ของฮัยสะมีย์ เล่มที่ 3 หน้าที่ 45)
ทีน่าสังเกต อีกอย่างก็คือ ชื่อของผุ้ที่รายงานหะดิษนี
(ดูอัตตัลคส ของท่านอิบนุหะญัร เล่มที่2 หน้าที่143)
การกล่าวถึงบุคคลใด โดยไม่มีการวิจารณ์ประวัด แบบนี้ ดามหลักวิชาการหะดีษถึอว่า บุคคลผู้นั้น เป็น “มัจฮูล” คือ ไม่มีใครรู้จักหรือทราบประว
สรุปแล้ว ผู้รายงานหะดีษเกี่ยวกับเรื
ดังนั้น การกล่าวของท่านอิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ในหนังสือ “อัด ดัลคืส” ถึงสายรายงานหะดีษของท่านอบ
ท่านอัลบานีย์ได้กล่าวติงคำ
"قَأَنَّى لهَزَآلإ سْناَدِ ا لصَّلاَ حُ وَاْ لقُوَّةُ وَفِيِهِ هَذَآلرَّجُلُ اْلجَهُوْلُ "
“ จะเป้นไปได้อย่างไรทีว่า สายรายงานของมันดี และแข็งแรง ในเมื่ในสายรายงานนั้นมีระบ
(ดู อัฏเฏาะอีฟะห์ เล่มที่2 หน้าที่ 65)
แถมผุ้รายงานคนอื่นๆ ก็ตกอยุ่ในลักษณะเดียวกันคื
โดยนัยนี้ หะดิษเรือ่งการอ่าน “ตัลกีน” ที่บุคคนเหล่านี้ได้อางว่า รับฟังมาจากท่านอบี อุมามะ รฏ. จึงนำมาทำเป็นหลักฐานไม่ได้
5. ในหน้า 162 มีข้อความว่า...“สำหรับผู้ร
ข้อความตอนนี้ น่าจะเป็นการพลั้งเผลอมากกว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น