อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คำกล่าวที่ว่า "อย่าเข้ามัสยิดที่ทำบิดอะฮ์"



ตอบโดย อ.ปราโมทย์  ศรีอุทัย

ถาม
ขอได้โปรดอธิบายการทำบิดอะห์เป็นอย่างไรมีอะไรบ้างผมอยู่มีนบุรี. กทม มีอะไรมัสยิดทำบิดอะห์ ตอนจะกลับจากทำฮัจย์คนให้โอวาสว่าก่อนเข้าบ้านให้ละหมาดมัสยิดก่อนแต่อย่าเข้ามัสยิดที่ทำบิดอะห์ผมยังคิดอยู่จนปัจุบันนี้ สิ่งทีว่าเป็นบิดอะห์นี้สำนักจุฬาว่าอย่างไร. ปีนั้นผมไปทำฮัจย์ที่อาจารย์สังกัดอยู่ครับ

ตอบ
เรื่องบิดอะฮ์เป็นเรื่องละเอียด, อ่อนไหวต่อความรู้สึกผู้ฟังบางคน และเหมือนจะเป็นการตัดสินว่าผู้ที่ทำสิ่งที่ผู้พูดมองว่าเป็นบิดอะฮ์นั้นคือชาวนรก จึงสมควรอย่างยิ่งที่ผู้จะหุก่มใครสักคนว่าทำบิดอะฮ์จะต้องรอบคอบและตระหนักให้มากในเรื่องนี้ เพราะเท่ากับท่านไปหุก่มว่าเขาเป็นชาวนรก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ผมเอง หากจะพูดเรื่องบิดอะฮ์ก็จะเป็นการพูดอธิบายและวิเคราะห์ตามหลักวิชาการให้เห็นเท่านั้นว่า สิ่งใดที่นักวิชาการกล่าวว่าเป็นบิดอะฮ์ เขามีมุมมองอย่างไร, ตรงกับหลักเกณฑ์ของบิดอะฮ์ต้องห้ามข้อใด เป็นต้น แต่ผมไม่เคยไปหุก่มตัวบุคคลใดเป็นการเฉพาะแม้แต่ครั้งเดียวว่า เป็นชาวบิดอะฮ์ หรือทำบิดอะฮ์ .. ...
ส่วนคำกล่าวที่ว่า "อย่าเข้ามัสยิดที่ทำบิดอะฮ์" ผมมองว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้พูดมากกว่า เพราะมัสยิดทุกหลัง ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ไม่มีมัสยิดหลังไหนในโลกนี้เป็นมัสยิดบิดอะฮ์ หากจะมีสิ่งบิดอะฮ์อยู่ในมัสยิดใดก็คงเป็นการกระทำของคนบางคนหรือหลายคนในมัสยิดนั้นมากกว่า ซึ่งหากเราจะไปโยนคำว่า "บิดอะฮ์" นั้นให้มัสยิดก็คงไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น มัสยิดทุกหลัง (ยกเว้นมัสยิดฎิร็อรฺที่ท่านนบีย์สั่งทำลายไปแล้ว) เราเข้าไปนมาซได้ทั้งนั้นแหละครับ และผู้ที่กลับจากการเดินทาง - ไม่ว่าเดินทางไปทำหัจญ์หรือเดินทางไปทำธุรกิจที่ใดก็ตาม - เมื่อมาถึงบ้าน ตามซุนนะฮ์ก็ให้เขาแวะเข้าไปนมาซ 2 ร็อกอะฮ์ในมัสยิดก่อนอื่น แล้วจึงเข้าบ้านทีหลังครับ ...

ถาม
ผมขออนุญาต ถามอาจารย์ต่อครับ..เป็นเรื่องคนกลับจากการทำฮัจย์ คนที่บ้านผม กลับจากทำฮัจย์แล้ว หลายๆคน จะแวะไปที่กูโบร์ก่อน ที่กูโบร์จะมีอาคารเอนกประสงค์ จะพักที่กูโบร์ก่อน ทำนองคล้ายๆ การเฝ้ากูโบร์หลังการฝังคนตาย...จะมีการทำกิน ที่กูโบร์ อ่านกุรอ่านประมาณ 3 วัน 3 คืน แล้วค่อยเข้าบ้าน.......เขาไปได้ทัศนะนี้ มาจากไหน ครับ

ตอบ
ข้อนี้คุณ Charoon จะต้องถามคนที่ทำแล้วละครับว่าเขาเอาหลักปฏิบัติอย่างนี้มาจากหะดีษบทใหน ? ของนบีย์ท่านใด? หรือของสลัฟท่านใด ? .. แต่ผมมั่นใจเกินพันเปอร์เซ็นต์ว่า การกระทำดังที่คุณ Charoon กล่าวมานี้เป็นสิ่งไม่มีหลักฐานในอิสลาม, ไม่ใช่แบบอย่างของท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และ/หรือแบบอย่างของสลัฟท่านใดแน่นอน .. บอกแล้วว่าผมไม่ชอบใช้คำว่า "บิดอะฮ์" กับการกระทำของบุคคลใดเป็นการเฉพาะ แม้ในความรู้สึกส่วนตัวจะมองว่า "ใช่" ก็ตาม แต่ในกรณีนี้ผมมองว่า นอกจากจะเป็นการกระทำที่ "สวนทาง" อย่างชัดเจนกับกับซุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ใช้ให้ผู้กลับจากการเดินทางไปนมาซมัสยิดก่อนอื่นแล้ว ยังไม่เห็นหนทางใดว่า การกระทำดังที่เล่ามานี้จะหลีกเลี่ยงจากความหมายของคำว่า "บิดอะฮ์" ตามหลักวิชาการได้เลยครับ ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น