ชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อมูลบางอย่างในภาพรวม
โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้รับเอกสารชุดหนึ่งประมาณ 30 กว่าหน้าจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม .. เป็นเอกสารที่ถ่ายมาจากเว็บไซด์ของนักวิชาการบางท่าน (ซึ่งถ้าดูตามรายนามผู้ตรวจทานแก้ไข ก็น่าจะเป็นข้อเขียนของ อ. อัชอะรีย์) ...
เอกสารดังกล่าวเป็นการวิภาษหรืออีกนัยหนึ่งคือโต้แย้งข้อเขียนเรื่อง “วิภาษคำบรรยาย อ.กอเซ็ม เรื่องการอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺ” ของผม ที่บางเว็บไซด์ได้ขออนุญาตไปนำลง ดังเป็นที่ทราบกันดี ...
บอกตรงๆว่า นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะได้รับจากนักวิชาการและผู้อ่านในข้อเขียนแต่ละครั้ง เพราะผมถือว่าความแตกต่างด้านความคิดคือความจำเริญของวิชาการ และความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ไม่มีผู้ใดที่จะถูกต้องทั้งหมด หรือรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง ...
การโต้แย้งจึงเปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้เรารู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ...
เสียดายที่ผมเองไม่มีโอกาสที่จะรับรู้ข้อมูลอีกมากมายจากอินเตอร์เน็ต นอกจากจะมีผู้ถ่ายเอกสารออกมาให้เท่านั้น เพราะที่บ้านผมยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ...
จึงขอเรียนให้ อ.อัชอะรีย์ทราบว่า ข้อวิภาษของท่านต่อบทความของผม – ไม่ว่าเรื่องใด -- เป็นสิ่งที่ผมรับฟังด้วยความเคารพเสมอ แต่มิได้หมายความว่าข้อวิภาษหรือความเข้าใจของท่านจะเป็นเรื่องถูกต้องไปเสียทั้งหมด ...
ดังนั้น ข้อวิภาษใดของท่านที่ผมมิได้ชี้แจง จึงมิได้เป็นการยอมรับความถูกต้อง แต่เป็นเพราะผมไม่ได้รับข้อมูลนั้น ...
สำหรับเรื่องการอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺที่ผมเขียนโต้แย้ง อ.กอเซ็มไป ก็ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ได้โต้แย้ง อ.กอเซ็มในประเด็นเรื่องผลบุญนั้นถึงผู้ตายหรือไม่ และผมก็ไม่บังอาจพอที่จะตัดสินว่า ผู้ตายจะได้รับประโยชน์จากการอ่านอัล-กุรฺอ่านนั้นหรือไม่ .. แต่เกือบทั้งหมดผมโต้แย้งในแง่ข้อเท็จจริงของหลักฐานว่า เชื่อถือได้หรือไม่เพียงใด .. ดังที่ปรากฏในข้อเขียนนั้น ...
ผมจึงไม่เคย “ฟันธง” ในปัญหาขัดแย้ง, ไม่ว่าในข้อเขียนเรื่องใด .. อันเป็นที่ทราบกันดีสำหรับผู้ที่ติดตามอ่านข้อเขียนของผม ...
ดังนั้น คำกล่าวของ อ.อัชอะรีย์ที่ว่า ผม “ฟันธง” ว่าบิดามารดาท่านนบีย์เป็นชาวนรก – ทั้งๆที่ผมได้เขียนไว้อย่างชัดเจนในตอนสรุปแล้วว่า การวิเคราะห์ของผมอาจผิดก็ได้ – จึงถือว่าเป็นการโกหกคำโต ...
อันเนื่องมาจาก อ.อัชอะรีย์ได้เขียนวิภาษผมในลักษณะวกวนและบางครั้งก็ซ้ำซาก ดังนั้นเพื่อความเข้าใจง่ายของผู้อ่าน ผมจึงได้เขียนชี้แจงเป็นเรื่องๆไปตามลำดับของผม (แต่ไม่ได้ตามลำดับของ อ.อัชอะรีย์) ดังต่อไปนี้ ...
(1). ชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อมูลบางอย่างในภาพรวม ...
(2). ชี้แจงเรื่อง อนุญาตให้นำหะดีษเฎาะอีฟมาปฏิบัติได้ ...
(3). ชี้แจงเรื่อง โครงสร้างอิบาดะฮ์คือระงับจากการปฏิบัติจนกว่าจะมีบทบัญญัติ (4). ชี้แจงเรื่อง ห้ามนมาซที่กุบูรฺ ...
(5). ชี้แจงเรื่อง การอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺ ...
(6). ชี้แจงเรื่อง อุทิศผลบุญให้แก่ผู้ตาย ? หรือทำแทนผู้ตาย ? ...
(7). ชี้แจงเรื่อง คำพูด อ.กอเซ็มที่ว่า ไม่มีหลักฐานห้ามคือทำได้, และการแก้ต่างของ อ.อัชอะรีย์ ...
(8). ชี้แจงเรื่อง สิ่งที่ท่านนบีย์ละทิ้ง มิได้หมายความว่าจะต้องละทิ้งตาม ...
(1). ชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อมูลบางอย่างในภาพรวม ...
1.1 อ.อัชอะรีย์กล่าวว่า ...
“ผมได้รับบทความของ อ.ปราโมทย์ที่ทำการวิภาษ อฺกอเซ็ม โมฮัมมัดอะลี อันเผ็ดร้อนและเกินเลยมารยาทเชิงวิชาการ โดยผ่านการแนะนำจากพี่น้องวะฮาบีย์ ....”
ชี้แจง
สิ่งที่ผมเขียนไป ผู้อ่านทุกกท่านคงไม่มีใครปฏิเสธว่าผมเขียนวิเคราะห์เชิงวิชาการจริงๆดังที่เห็นกันนั้น (ซึ่งการวิเคราะห์จะผิดหรือถูก เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) .. แต่ไม่มีข้อความใดที่จะเรียกว่า “เกินเลยมารยาทเชิงวิชาการ” ดังที่ อ.อัชอะรีย์กล่าวหาผม
ทั้งนี้เพราะผมรักษามารยาทเชิงวิชาการอยู่เสมอ ด้วยการไม่ก้าวร้าวต่อนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของอิสลามท่านใดในอดีตที่มีทัศนะแตกต่างกับผมแม้แต่ท่านเดียว .. นอกจากจะเขียนโต้แย้งทัศนะของท่านตามมุมมองของผมเท่านั้น ...
จุดเดียวจากบทความของผมข้างต้นที่อาจจะมองว่าผมเกินเลยก็คือการแปลคำพูดของนักวิชาการที่กล่าวถึงท่านอัล-หากิมและท่านอิบนุหิบบานที่ว่า تَسَاهُلٌ فِى التَّصْحِيْحِ (ซึ่งผมแปลว่าสะเพร่าในการตัดสินความถูกต้องของหะดีษ) .. ข้อนี้ผมยอมรับว่าเป็นการใช้คำแปลที่ไม่เหมาะสม แต่ผู้กล่าวหาดังกล่าวนี้คือนักวิชาการหลายท่านในอดีต มิใช่ผมเป็นผู้กล่าวหา .. และการแปลดังกล่าวแม้จะไม่เหมาะสม แต่ผมมั่นใจว่า ไม่ออกนอกกรอบของ “เจตนารมณ์” จากคำกล่าวข้างต้น ดังจะได้อธิบายต่อไป ...
ส่วนคำว่า “เผ็ดร้อน” นั้น (ความจริงน่าจะเรียกว่าเป็นการ “แซว” ที่เผ็ดร้อนมากกว่า).. หากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วจะเห็นว่า ส่วนใหญ่ จะอยู่ในรูปของคำถามที่มีต่อ อ.กอเซ็ม .. ซึ่งท่านคงไม่ปฏิเสธว่า แม้จะแซวเผ็ดร้อนไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คำพูดหยาบคายแต่ประการใด ...
แต่คำกล่าวหาของท่าน อ.อัชอะรีย์ข้างต้นต่อผู้ที่มีทัศนะตรงข้ามกับท่านที่ว่า “โดยผ่านการแนะนำจากพี่น้องวะฮาบีย์” .. ซึ่งคำว่า “วะฮาบีย์” นี้ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่ามิใช่เป็นคำพูดยกย่อง แต่เป็นคำประณามหรือโจมตีผู้ที่มีทัศนะสอดคล้องกับท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ .. และตามที่ผมได้รับทราบมา (ถ้าผิดก็ขออภัย) ว่า อ.อัชอะรีย์เองเคยก้าวร้าวต่อท่านอิบนุตัยมียะฮ์, ท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ, ท่านอิบนุ้ลก็อยยิม, ท่านอัล-อัลบานีย์ เป็นต้น อย่างรุนแรงในเว็บไซด์ของท่าน ...
ผมไม่ทราบว่า การก้าวร้าวนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิที่มุสลิมทั่วโลกให้การยอมรับเหล่านั้นจะเป็นการ “เกินเลยมารยาทนักวิชาการ” หรือเปล่า ? ...
1.2 อ.อัชอะรีย์ได้อ้างคำพูดของท่านซุฟยานอัษ-เษารีย์จากหนังสือ “หิลยะตุ้ลเอาลิยาอ์” เล่มที่ 6 หน้า 367 (ที่บ้านผมเป็นเล่มที่ 6 หน้า 407) และอ้างคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะฮ์จากหนังสือมัจญมูอะฮ์ อัล-ฟะตาวีย์ของท่าน ซึ่งสรุปได้ว่า เมื่อเห็นผู้ใดกระทำสิ่งซึ่งเป็นเรื่องขัดแย้งของนักวิชาการโดยที่เรามีทัศนะตรงข้ามกับเขา ก็จงปล่อยให้เขาทำไป, .. อย่าไปห้าม, คัดค้านหรือตำหนิเขา ...
ชี้แจง
แม้ผมจะเห็นด้วยกับบางส่วน (ไม่ใช่ทั้งหมด) ของคำพูดของท่านซุฟยาน อัษ-เษารีย์และท่านอิบนุตัยมียะฮ์ข้างต้น แต่ในกรณีนี้ ผมอยากจะขอถาม อ.อัชอะรีย์เพียง 2 คำถามคือ ...
ก. การอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺเป็นปัญหาขัดแย้งของนักวิชาการ .. ข้อนี้ อ.อัชอะรีย์คงไม่ปฏิเสธ ...
ดังนั้น เมื่อเห็นผู้ใดอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺ ก็อย่าไปห้ามหรือตำหนิเขา .. นี่คือเนื้อหาจากคำกล่าวของท่านซุฟยาน อัษ-เษารีย์และท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ที่ อ.อัชอะรีย์นำเสนอมานั้น ...
ผมจึงอยากจะถามว่า ..
แล้วการที่ท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุหัมบัลเข้าไปกล่าวในลักษณะคัดค้านต่อชายตาบอดผู้หนึ่งขณะที่เขากำลังอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺว่า ...
يَا هَذَا إِنَّ الْقِرَاءَةَ عِنْدَالْقَبْرِ بِدْعَةٌ! : นี่แน่ะคุณ, การอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรเป็นบิดอะฮ์นะ! ...
อ.อัชอะรีย์จะอธิบายในเรื่องนี้อย่างไรไม่ทราบ ? ...
ข. การ “คัดค้านหรือห้าม” เมื่อเห็นผู้กระทำสิ่งที่เป็นปัญหาขัดแย้ง กับ “การเสนอแนะข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการในปัญหาขัดแย้ง” เหมือนกันหรือแตกต่างกัน ? ...
หากตอบว่า การเขียนวิเคราะห์และเสนอแนะข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการในปัญหาขัดแย้ง กับการคัดค้านหรือห้ามผู้ที่มีทัศนะตรงกันข้าม มีความหมายเหมือนกัน บรรดานักวิชาการเกือบทั้งหมดในอดีตก็ล้วนไม่ถูกต้องที่ไปเขียนเสนอแนะทัศนะของตนเองในปัญหาขัดแย้งใดก็ตาม เพราะเท่ากับเป็นการคัดค้านหรือห้ามทัศนะผู้อื่นที่ขัดแย้งกับตนเองว่าไม่ถูกต้อง ตามมุมมองนี้ ...
แต่ถ้าหากตอบว่า ทั้งสองกรณีนั้นไม่เหมือนกัน ก็ขอบอกว่า ผมไม่เคยไปสะกิดไหล่ใครเพื่อ “คัดค้านหรือห้าม” ไม่ให้อ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺ -- ดังเช่นที่ท่านอิหม่ามอะห์มัดกระทำต่อชายตาบอดผู้นั้น -- แม้แต่คนเดียว .. นอกจากที่กระทำอยู่ก็คือการเขียนวิเคราะห์หลักฐานตามหลักวิชาการอย่างที่เห็นอยู่นี้เท่านั้น ..
1.1 อ.อัชอะรีย์กล่าวว่า ...
“ผมได้รับบทความของ อ.ปราโมทย์ที่ทำการวิภาษ อฺกอเซ็ม โมฮัมมัดอะลี อันเผ็ดร้อนและเกินเลยมารยาทเชิงวิชาการ โดยผ่านการแนะนำจากพี่น้องวะฮาบีย์ ....”
ชี้แจง
สิ่งที่ผมเขียนไป ผู้อ่านทุกกท่านคงไม่มีใครปฏิเสธว่าผมเขียนวิเคราะห์เชิงวิชาการจริงๆดังที่เห็นกันนั้น (ซึ่งการวิเคราะห์จะผิดหรือถูก เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) .. แต่ไม่มีข้อความใดที่จะเรียกว่า “เกินเลยมารยาทเชิงวิชาการ” ดังที่ อ.อัชอะรีย์กล่าวหาผม
ทั้งนี้เพราะผมรักษามารยาทเชิงวิชาการอยู่เสมอ ด้วยการไม่ก้าวร้าวต่อนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของอิสลามท่านใดในอดีตที่มีทัศนะแตกต่างกับผมแม้แต่ท่านเดียว .. นอกจากจะเขียนโต้แย้งทัศนะของท่านตามมุมมองของผมเท่านั้น ...
จุดเดียวจากบทความของผมข้างต้นที่อาจจะมองว่าผมเกินเลยก็คือการแปลคำพูดของนักวิชาการที่กล่าวถึงท่านอัล-หากิมและท่านอิบนุหิบบานที่ว่า تَسَاهُلٌ فِى التَّصْحِيْحِ (ซึ่งผมแปลว่าสะเพร่าในการตัดสินความถูกต้องของหะดีษ) .. ข้อนี้ผมยอมรับว่าเป็นการใช้คำแปลที่ไม่เหมาะสม แต่ผู้กล่าวหาดังกล่าวนี้คือนักวิชาการหลายท่านในอดีต มิใช่ผมเป็นผู้กล่าวหา .. และการแปลดังกล่าวแม้จะไม่เหมาะสม แต่ผมมั่นใจว่า ไม่ออกนอกกรอบของ “เจตนารมณ์” จากคำกล่าวข้างต้น ดังจะได้อธิบายต่อไป ...
ส่วนคำว่า “เผ็ดร้อน” นั้น (ความจริงน่าจะเรียกว่าเป็นการ “แซว” ที่เผ็ดร้อนมากกว่า).. หากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วจะเห็นว่า ส่วนใหญ่ จะอยู่ในรูปของคำถามที่มีต่อ อ.กอเซ็ม .. ซึ่งท่านคงไม่ปฏิเสธว่า แม้จะแซวเผ็ดร้อนไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คำพูดหยาบคายแต่ประการใด ...
แต่คำกล่าวหาของท่าน อ.อัชอะรีย์ข้างต้นต่อผู้ที่มีทัศนะตรงข้ามกับท่านที่ว่า “โดยผ่านการแนะนำจากพี่น้องวะฮาบีย์” .. ซึ่งคำว่า “วะฮาบีย์” นี้ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่ามิใช่เป็นคำพูดยกย่อง แต่เป็นคำประณามหรือโจมตีผู้ที่มีทัศนะสอดคล้องกับท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ .. และตามที่ผมได้รับทราบมา (ถ้าผิดก็ขออภัย) ว่า อ.อัชอะรีย์เองเคยก้าวร้าวต่อท่านอิบนุตัยมียะฮ์, ท่านมุหัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ, ท่านอิบนุ้ลก็อยยิม, ท่านอัล-อัลบานีย์ เป็นต้น อย่างรุนแรงในเว็บไซด์ของท่าน ...
ผมไม่ทราบว่า การก้าวร้าวนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิที่มุสลิมทั่วโลกให้การยอมรับเหล่านั้นจะเป็นการ “เกินเลยมารยาทนักวิชาการ” หรือเปล่า ? ...
1.2 อ.อัชอะรีย์ได้อ้างคำพูดของท่านซุฟยานอัษ-เษารีย์จากหนังสือ “หิลยะตุ้ลเอาลิยาอ์” เล่มที่ 6 หน้า 367 (ที่บ้านผมเป็นเล่มที่ 6 หน้า 407) และอ้างคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะฮ์จากหนังสือมัจญมูอะฮ์ อัล-ฟะตาวีย์ของท่าน ซึ่งสรุปได้ว่า เมื่อเห็นผู้ใดกระทำสิ่งซึ่งเป็นเรื่องขัดแย้งของนักวิชาการโดยที่เรามีทัศนะตรงข้ามกับเขา ก็จงปล่อยให้เขาทำไป, .. อย่าไปห้าม, คัดค้านหรือตำหนิเขา ...
ชี้แจง
แม้ผมจะเห็นด้วยกับบางส่วน (ไม่ใช่ทั้งหมด) ของคำพูดของท่านซุฟยาน อัษ-เษารีย์และท่านอิบนุตัยมียะฮ์ข้างต้น แต่ในกรณีนี้ ผมอยากจะขอถาม อ.อัชอะรีย์เพียง 2 คำถามคือ ...
ก. การอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺเป็นปัญหาขัดแย้งของนักวิชาการ .. ข้อนี้ อ.อัชอะรีย์คงไม่ปฏิเสธ ...
ดังนั้น เมื่อเห็นผู้ใดอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺ ก็อย่าไปห้ามหรือตำหนิเขา .. นี่คือเนื้อหาจากคำกล่าวของท่านซุฟยาน อัษ-เษารีย์และท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ที่ อ.อัชอะรีย์นำเสนอมานั้น ...
ผมจึงอยากจะถามว่า ..
แล้วการที่ท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุหัมบัลเข้าไปกล่าวในลักษณะคัดค้านต่อชายตาบอดผู้หนึ่งขณะที่เขากำลังอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺว่า ...
يَا هَذَا إِنَّ الْقِرَاءَةَ عِنْدَالْقَبْرِ بِدْعَةٌ! : นี่แน่ะคุณ, การอ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรเป็นบิดอะฮ์นะ! ...
อ.อัชอะรีย์จะอธิบายในเรื่องนี้อย่างไรไม่ทราบ ? ...
ข. การ “คัดค้านหรือห้าม” เมื่อเห็นผู้กระทำสิ่งที่เป็นปัญหาขัดแย้ง กับ “การเสนอแนะข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการในปัญหาขัดแย้ง” เหมือนกันหรือแตกต่างกัน ? ...
หากตอบว่า การเขียนวิเคราะห์และเสนอแนะข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการในปัญหาขัดแย้ง กับการคัดค้านหรือห้ามผู้ที่มีทัศนะตรงกันข้าม มีความหมายเหมือนกัน บรรดานักวิชาการเกือบทั้งหมดในอดีตก็ล้วนไม่ถูกต้องที่ไปเขียนเสนอแนะทัศนะของตนเองในปัญหาขัดแย้งใดก็ตาม เพราะเท่ากับเป็นการคัดค้านหรือห้ามทัศนะผู้อื่นที่ขัดแย้งกับตนเองว่าไม่ถูกต้อง ตามมุมมองนี้ ...
แต่ถ้าหากตอบว่า ทั้งสองกรณีนั้นไม่เหมือนกัน ก็ขอบอกว่า ผมไม่เคยไปสะกิดไหล่ใครเพื่อ “คัดค้านหรือห้าม” ไม่ให้อ่านอัล-กุรฺอ่านที่กุบูรฺ -- ดังเช่นที่ท่านอิหม่ามอะห์มัดกระทำต่อชายตาบอดผู้นั้น -- แม้แต่คนเดียว .. นอกจากที่กระทำอยู่ก็คือการเขียนวิเคราะห์หลักฐานตามหลักวิชาการอย่างที่เห็นอยู่นี้เท่านั้น ..