โดย..อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย
ข้อที่ 3. ทำไม อิหม่ามมะฮ์ดีย์ของชีอะฮ์ต้องเร้นกาย ?
ปุจฉาข้อนี้, .. ถ้าถามฝ่ายซุนนะฮ์ ก็ให้คำตอบได้ไม่ยาก ...
เพราะประเด็นนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องสลับซับซ้อนอะไร... เป็นเพียงตรรกะง่ายๆและเป็นจิตวิทยาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ...
เริ่มตั้งแต่อุปโลกน์เรื่อง “การกำเนิด” มะฮ์ดีย์ (ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่มีตัวตน) อย่างสุดแสนพิสดารและพิลึกพิลั่นขึ้นมา เพื่อต้องการรักษา “แนวความเชื่อ” ของชีอะฮ์ซึ่งกำลังถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ อันเนื่องมาจากท่านอิหม่ามหะซัน อัล-อัสกะรีย์ ตายไปโดยไม่มีบุตรสืบทอดความเชื่อของชีอะฮ์ ...
พอสร้างเรื่องมะฮ์ดีย์ขึ้นมาแล้วก็มีปัญหาอีก.. เพราะไม่รู้จะหามะฮ์ดีย์ที่ไหนมายืนยัน เนื่องจากตัวตนของมะฮ์ดีย์ยังไม่มี... (และชาวซุนนะฮ์เชื่อว่า จริงๆแล้ว ไม่เคยมีใครเห็นมะฮ์ดีย์ดังที่ชีอะฮ์อ้างเลยเพราะการไม่มีตัวตนดังกล่าวนี่แหละ นอกจากสร้างเรื่องหลอกขึ้นมา) ...
ก็ต้อง “เดินเรื่อง” ต่อไปว่า อิหม่ามมะฮ์ดีย์ได้เร้นกายหายไปแล้ว... (โดยอ้างเหตุผลข้างๆคูๆที่มีความขัดแย้งในตัวเองตลอดเวลา ดังจะได้อธิบายต่อไป)...ในอุโมงค์แห่งหนึ่งภายในบ้านของบิดาที่เมืองซาร์มัรฺรออ์ ... ตั้งแต่ยังเป็นทารก, คือ อายุเพียง 3 ขวบกว่าๆ หรือ 4 ขวบกว่าๆ, โดยนำเอาอัล-กุรฺอานฉบับจริงของท่านอฺลีย์, มุศหัฟของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์, ถุงหนังที่บรรจุอัล-ญาเมียะอฺของท่านอฺลีย์, คัมภีร์ของนบีย์ๆยุคก่อนๆ ... อาทิเช่นคัมภีร์เตารอตและไม้เท้าของท่านนบีย์มูซา, คัมภีร์อินญีลของท่านนบีย์อีซา, คัมภีร์ซะบูรฺของท่านนบีย์ดาวูด, เสื้อของท่านนบีย์อาดัม, แหวนของท่านนบีย์สุลัยมาน เป็นต้น ติดตัวไปด้วย ... และจะไม่ปรากฏตัวอีกจนกว่าจะใกล้ถึงวันสิ้นโลก, เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปค้นหาท่านให้เสียเวลาหรอก ...
ปุจฉาข้อนี้, .. ถ้าถามฝ่ายซุนนะฮ์ ก็ให้คำตอบได้ไม่ยาก ...
เพราะประเด็นนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องสลับซับซ้อนอะไร... เป็นเพียงตรรกะง่ายๆและเป็นจิตวิทยาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ...
เริ่มตั้งแต่อุปโลกน์เรื่อง “การกำเนิด” มะฮ์ดีย์ (ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่มีตัวตน) อย่างสุดแสนพิสดารและพิลึกพิลั่นขึ้นมา เพื่อต้องการรักษา “แนวความเชื่อ” ของชีอะฮ์ซึ่งกำลังถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ อันเนื่องมาจากท่านอิหม่ามหะซัน อัล-อัสกะรีย์ ตายไปโดยไม่มีบุตรสืบทอดความเชื่อของชีอะฮ์ ...
พอสร้างเรื่องมะฮ์ดีย์ขึ้นมาแล้วก็มีปัญหาอีก.. เพราะไม่รู้จะหามะฮ์ดีย์ที่ไหนมายืนยัน เนื่องจากตัวตนของมะฮ์ดีย์ยังไม่มี... (และชาวซุนนะฮ์เชื่อว่า จริงๆแล้ว ไม่เคยมีใครเห็นมะฮ์ดีย์ดังที่ชีอะฮ์อ้างเลยเพราะการไม่มีตัวตนดังกล่าวนี่แหละ นอกจากสร้างเรื่องหลอกขึ้นมา) ...
ก็ต้อง “เดินเรื่อง” ต่อไปว่า อิหม่ามมะฮ์ดีย์ได้เร้นกายหายไปแล้ว... (โดยอ้างเหตุผลข้างๆคูๆที่มีความขัดแย้งในตัวเองตลอดเวลา ดังจะได้อธิบายต่อไป)...ในอุโมงค์แห่งหนึ่งภายในบ้านของบิดาที่เมืองซาร์มัรฺรออ์ ... ตั้งแต่ยังเป็นทารก, คือ อายุเพียง 3 ขวบกว่าๆ หรือ 4 ขวบกว่าๆ, โดยนำเอาอัล-กุรฺอานฉบับจริงของท่านอฺลีย์, มุศหัฟของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์, ถุงหนังที่บรรจุอัล-ญาเมียะอฺของท่านอฺลีย์, คัมภีร์ของนบีย์ๆยุคก่อนๆ ... อาทิเช่นคัมภีร์เตารอตและไม้เท้าของท่านนบีย์มูซา, คัมภีร์อินญีลของท่านนบีย์อีซา, คัมภีร์ซะบูรฺของท่านนบีย์ดาวูด, เสื้อของท่านนบีย์อาดัม, แหวนของท่านนบีย์สุลัยมาน เป็นต้น ติดตัวไปด้วย ... และจะไม่ปรากฏตัวอีกจนกว่าจะใกล้ถึงวันสิ้นโลก, เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปค้นหาท่านให้เสียเวลาหรอก ...
แต่ข้ออ้างดังกล่าวก็ยังมีปัญหาอยู่ดี เพราะบางทีผู้ที่ (หลง) เชื่ออาจเกิดความลังเลและไม่มั่นใจขึ้นมาก็ได้ เนื่องจากตัวเอง (รวมทั้งชีอะฮ์ท่านอื่นๆด้วยแหละ),... นอกจากจะไม่เคยเห็นตัวท่านอิหม่ามฯแล้ว ยังถูกโฆษณา (ชวนให้เชื่อ) ว่าท่าน “หายตัว” นานเกินไปแล้ว,..จนถึงวันกิยามะฮ์โน่นถึงจะปรากฏตัว,.... แล้วอย่างนี้ ท่านจะมีตัวตนจริงๆเกิดขึ้นมาแล้วดังอ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ...
ดังนั้น เพื่อให้ข้ออ้างการเกิดและการเร้นกายของท่านมะฮ์ดีย์มีน้ำหนัก, และเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่เชื่อถือ จึงต้องสร้างเรื่องราวต่อไปอีกว่า .. แม้ท่านอิหม่ามมะฮ์ดีย์จำเป็นจะต้องเร้นหายไปอย่างยาวนานดังคำประกาศของท่านเองครั้งหลังก็ตาม ก็ไม่ต้องไขว้เขวหรือวิตกกังวลอะไร,... เพราะมีพวกเรา, .. ชีอะฮ์เป็นจำนวนมากเคยพบปะท่านหรือเคยได้เห็นมั๊วะอฺญิซัตของท่านมาแล้ว, เรื่องของท่านเป็นเรื่องจริง, ไม่ใช่เรื่องหลอกหรอก ..
(ส่วนที่ว่า เรื่องราวการมีผู้อ้างว่า เคยพบเห็นอิหม่ามมะฮ์ดีย์ ... จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก ผมก็ได้อธิบายผ่านไปแล้วไม่นาน ด้วยหลักฐานของชีอะฮ์เอง , จึงไม่ขออธิบายซ้ำ ณ ที่นี้) ...
ที่พูดมานี้ ก็คือ “มุมมอง” ของฝ่ายซุนนะฮ์, ที่มองประเด็นเรื่อง “การเกิด” และการ “เร้นกาย” ของท่านมะฮ์ดีย์ ตามเรื่องเล่าของชีอะฮ์ทั้งหมด ซึ่งสรุปว่า เป็นเรื่องโคมลอยล้วนๆที่ถูกกุขึ้นมา, โดยไม่มีเรื่องจริงปะปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว, ...
(ส่วนที่ว่า เรื่องราวการมีผู้อ้างว่า เคยพบเห็นอิหม่ามมะฮ์ดีย์ ... จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก ผมก็ได้อธิบายผ่านไปแล้วไม่นาน ด้วยหลักฐานของชีอะฮ์เอง , จึงไม่ขออธิบายซ้ำ ณ ที่นี้) ...
ที่พูดมานี้ ก็คือ “มุมมอง” ของฝ่ายซุนนะฮ์, ที่มองประเด็นเรื่อง “การเกิด” และการ “เร้นกาย” ของท่านมะฮ์ดีย์ ตามเรื่องเล่าของชีอะฮ์ทั้งหมด ซึ่งสรุปว่า เป็นเรื่องโคมลอยล้วนๆที่ถูกกุขึ้นมา, โดยไม่มีเรื่องจริงปะปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว, ...
เรา ชาวซุนนะฮ์ .. ไม่เคย,และไม่ได้จาบจ้วง, ไม่ได้ก้าวร้าวหรือประณามอิหม่ามคนใดของชาวชีอะฮ์เลยแม้แต่น้อย.. ตรงกันข้าม พวกเรารักและให้เกียรติเชื้อสายของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมทุกคน,... และเราก็เชื่อเหมือนพวกชีอะฮ์เชื่อ,...ว่า ท่านมะฮ์ดีย์จะต้องปรากฏกายอย่างแน่นอนในอนาคตกาลข้างหน้า ....
เราเพียงแต่ “เปิดเผย” และ “พูดความจริง” ในสิ่งที่พวกเขาได้ “อุปโลกน์” และ “สร้างเรื่องเท็จ” ขึ้นมาเท่านั้นเอง, ...
เปิดเผยและหักล้างความเท็จของพวกเขา ... ด้วย “ตำรา” ของพวกเขา, และ “ข้อมูล” ของพวกเขาเองนั่นแหละ ...
เราได้รับฟังข้อสันนิษฐานและเหตุผลของฝ่ายซุนนะฮ์ เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้แล้ว คราวนี้ ก็ลองมาฟังดูเหตุผลของฝ่ายชีอะฮ์เองดูบ้างว่า ทำไม ท่านอิหม่ามมะฮ์ดีย์ของเขาจึงต้องเร้นกาย ? ...
เหตุผลที่ฝ่ายชีอะฮ์อ้างมา ดูเหมือนจะมี 2-3 ประการด้วยกัน ดังต่อไปนี้ ...
เราได้รับฟังข้อสันนิษฐานและเหตุผลของฝ่ายซุนนะฮ์ เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้แล้ว คราวนี้ ก็ลองมาฟังดูเหตุผลของฝ่ายชีอะฮ์เองดูบ้างว่า ทำไม ท่านอิหม่ามมะฮ์ดีย์ของเขาจึงต้องเร้นกาย ? ...
เหตุผลที่ฝ่ายชีอะฮ์อ้างมา ดูเหมือนจะมี 2-3 ประการด้วยกัน ดังต่อไปนี้ ...
(1) .เพราะท่านกลัวถูกฆ่า ...
ท่านกุลัยนีย์ ได้รายงานมาจาก ซุรอเราะฮ์ บิน อะอฺยัน ว่า ...
سَمِعْتُ اَبَاعَبْدِاللَّـهِ(ع) يَقُوْلُ : اِنَّ لِلْقَائِمِ (ع) غَيْبَةً قَبْلَ اَنْ يَقُوْمَ، قُلْتُ : وَلِمَ ؟ قَالَ : اِنَّهُ يَخَافُ – وَأَوْمَأَ بِيَدِهِ اِلَى بَطْنِهِ – يَعْنِي الْقَتْلَ ........
“ฉันได้ยินท่านอิหม่ามญะอฺฟัรฺ อัศ-ศอดิก กล่าวว่า ... สำหรับท่านผู้ปฏิวัติโลก (หมายถึงอิหม่ามมะฮ์ดีย์) นั้น จะต้องมีการเร้นกายไป ก่อนจะลุกขึ้นมาปฏิวัติ, ฉันจึงถามว่า .. เพราะเหตุใดหรือ ? ... ท่านจึงตอบว่า .. เพราะท่านกลัว – แล้วท่านอิหม่ามญะอฺฟัรฺก็ชี้มือไปที่ท้องของท่าน – ซึ่งหมายความว่า.. กลัวถูกฆ่า” ...
(จากหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 337, 338, 340, 342 .. กิตาบอัล-หุจญะฮ์, บาบว่าด้วยเรื่องอัล-ฆ็อยบะฮ์หรือการเร้นกาย หะดีษที่ 5, 9, 18, 29 ) ...
(จากหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 337, 338, 340, 342 .. กิตาบอัล-หุจญะฮ์, บาบว่าด้วยเรื่องอัล-ฆ็อยบะฮ์หรือการเร้นกาย หะดีษที่ 5, 9, 18, 29 ) ...
ข้อโต้แย้ง
หลักฐานเรื่องการเร้นกายของท่านมะฮ์ดีย์ข้างต้น บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การเร้นกายของท่าน มีสาเหตุเนื่องมาจากเพราะกลัวถูกสังหาร, หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ กลัวตาย ...
ถ้าหลักฐานข้อนี้เป็นความจริง (ต้องจริงอยู่แล้ว, เพราะถูกบันทึกโดยท่านกุลัยนีย์ใน อุศูล อัล-กาฟีย์)... ก็แสดงว่า อิหม่ามมะฮ์ดีย์ เป็นคนขี้ขลาดตาขาวใช่ไหม ? ...
หลักฐานเรื่องการเร้นกายของท่านมะฮ์ดีย์ข้างต้น บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การเร้นกายของท่าน มีสาเหตุเนื่องมาจากเพราะกลัวถูกสังหาร, หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ กลัวตาย ...
ถ้าหลักฐานข้อนี้เป็นความจริง (ต้องจริงอยู่แล้ว, เพราะถูกบันทึกโดยท่านกุลัยนีย์ใน อุศูล อัล-กาฟีย์)... ก็แสดงว่า อิหม่ามมะฮ์ดีย์ เป็นคนขี้ขลาดตาขาวใช่ไหม ? ...
คนขี้ขลาดตาขาวอย่างนี้ จะมาเป็นผู้นำพวกชีอะฮ์ต่อสู้และพิชิตศัตรูได้อย่างไร? .. และชีอะฮ์จะอธิบายหลักฐานต่างๆของพวกท่านดังต่อไปนี้ว่าอย่างไร ? ...
ก. ท่านอฺลีย์ บิน ญะฟัรฺ ได้รายงานมาว่า ...
ก. ท่านอฺลีย์ บิน ญะฟัรฺ ได้รายงานมาว่า ...
( قَالَ لِيْ اَبُوالْحَسَنِ (ع) : نَحْنُ فِي اْلعِلْمِ وَالشَّجَاعَـةِ سَوَاءٌ ) .....
ท่านอบุล หะซัน (หมายถึงท่านอิหม่ามอฺลีย์ อัล-ฮาดีย์ อิหม่ามท่านที่ 10 ของชีอะฮ์) ได้กล่าวกับฉันว่า ... “พวกเรา (หมายถึงผู้เป็นอิหม่าม) ... ในเรื่องวิชาการและความกล้าหาญแล้ว จะต้องเท่าเทียมเสมอ” ...
(บันทึกโดยท่านกุลัยนีย์ในหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 275, กิตาบอัล-หุจญะฮ์, บาบว่าด้วยเรื่องบรรดาอิหม่าม ในเรื่องความรู้, ความกล้าหาญ และความภักดี (ฏออัต) จะเสมอเหมือนกัน, หะดีษที่ 2 ) ...
(บันทึกโดยท่านกุลัยนีย์ในหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 275, กิตาบอัล-หุจญะฮ์, บาบว่าด้วยเรื่องบรรดาอิหม่าม ในเรื่องความรู้, ความกล้าหาญ และความภักดี (ฏออัต) จะเสมอเหมือนกัน, หะดีษที่ 2 ) ...
ข. ท่านอิหม่ามอฺลีย์ อัรฺ-ริฎอ (อิหม่ามท่านที่ 8 ของชีอะฮ์) ได้กล่าวว่า ...
(لِلاِمَامِ عَلاَمَاتٌ، يَكُوْنُ اَعْلَمَ النَّاسِ، وَاَشْجَعَ النَّاسِ ) .....
“สำหรับผู้เป็นอิหม่ามนั้น จะมีสัญลักษณ์หลายอย่าง, (คือ) จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้มากที่สุด, และจะต้องเป็นคนที่กล้าหาญที่สุด” ...
(จาก “กิตาบ อัล-คิซอล” ของท่านอิบนุ บาบะวัยฮ์ อัล-กุมมีย์ เล่มที่ 2 หน้า 528 พิมพ์ที่ประเทศอิหร่าน) ...
แล้วคุณสมบัติของท่านมะฮ์ดีย์ (ที่รีบหนีลงจากเวทีตั้งแต่ยังไม่ทันไหว้ครู,.. ตามที่ชีอะฮ์อ้างมานั้น) จะเป็นอิหม่ามได้ละหรือ ?...
(จาก “กิตาบ อัล-คิซอล” ของท่านอิบนุ บาบะวัยฮ์ อัล-กุมมีย์ เล่มที่ 2 หน้า 528 พิมพ์ที่ประเทศอิหร่าน) ...
แล้วคุณสมบัติของท่านมะฮ์ดีย์ (ที่รีบหนีลงจากเวทีตั้งแต่ยังไม่ทันไหว้ครู,.. ตามที่ชีอะฮ์อ้างมานั้น) จะเป็นอิหม่ามได้ละหรือ ?...
ค. มีรายงานจากท่านหะกีมะฮ์ ว่า ...
( لَمَّاوُلِدَالسَّيِّدُ (ع) رَأَيْتُ لَهُ نُوْرًا سَاطِعًا قَدْ ظَهَرَمِنْهُ، وَبَلَغَ أُفُقَ السَّمَاءِ، وَرَأَيْتُ طُيُوْرًا بِيْضًاتَـهْبِطُ مِنَ السَّمَاءِ وَتَمْسَحُ أَجْنِحَتَهَا عَلَى رَأْسِـهِ وَوَجْـهِهِ وَسَـائِرِجَسَـدِهِ ثُمَّ يَطِيْرُ، فَأَخْبَرْنَا اَبَامُحَمَّدٍ بِذَلِكَ فَضَحِكَ، ثُمَّ قَالَ : تِلْكَ مَلاَئِكَةُ السَّمَاءِ، نَزَلَتْ لِلتَّبَرُّكِ ِبهَذَااْلمَوْلُوْدِ، وَهِيَ أَنْصَارُهُ اِذَاخَرَجَ ) ......
“เมื่อท่านผู้เป็นประมุข (หมายถึงอิหม่ามมะฮ์ดีย์) ถูกคลอดออกมา ฉันมองเห็นรังสีแผ่ไพศาลปรากฏออกมาจากตัวท่านจนถึงขอบฟ้า, และฉันเห็นนกฝูงหนึ่งสีขาวนวลบินลงมาจากท้องฟ้า และใช้ปีกของมันลูบไล้ไปทั่วศีรษะ, ใบหน้า, และตามลำตัวของท่าน แล้วก็บินจากไป, ... ฉันจึงเล่าเรื่องนี้แก่ท่านอิหม่ามหะซัน อัล-อัสกะรีย์ ท่านก็หัวเราะ แล้วบอกว่า ... นกเหล่านั้น คือมลาอิกะฮ์จากฟากฟ้า, พวกเขาลงมาเพื่อประสาทความจำเริญแก่เด็กคนนี้ และมลาอิกะฮ์เหล่านี้ คือผู้คอยช่วยเหลือเขาตอนปรากฏตัว” ...
(จากหนังสือ “เราเฎาะฮ์ อัล-วาอิซีน” ของอัล-ฟัตตาล อัน-นัยซาบูรีย์, หน้า 260 )
(จากหนังสือ “เราเฎาะฮ์ อัล-วาอิซีน” ของอัล-ฟัตตาล อัน-นัยซาบูรีย์, หน้า 260 )
ง. ท่านกุลัยนีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” ว่า ...
( اِنَّ الاَئِمَّةَ عَلَيْهِمُ السَّلاَمُ يَعْلَمُوْنَ مَتَى يَمُوْتُوْنَ، وَأِنَّـهُمْ لاَيَمُوْتُوْنَ اِلاَّ بِاْلاِخْتِيَارِ مِنْهُمْ )
“แท้จริงบรรดาอิหม่ามๆนั้น พวกท่านรู้ว่า เมื่อไรจะตาย, .... และพวกท่านจะไม่ตาย นอกจากเป็นความสมัครใจของพวกท่านเท่านั้น” ...
(จากหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 258 ) ...
(จากหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 258 ) ...
จ. ท่านกุลัยนีย์ ได้บันทึกรายงานมาจากท่านอิหม่ามญะอฺฟัร์ อัศ-ศอดิก ว่า ...
(لاَ يَمُوْتُ ْالاِمَامُ حَتَّى يَعْلَمَ مَنْ يَكُوْنُ بَعْدَهُ، فَيُوْصِـيَ اِلَيْهِ )
“อิหม่ามจะไม่ตาย จนกว่าจะรู้ตัวผู้สืบทอดหลังจากท่าน, แล้วท่านก็จะวะศี้ยัต (คือสั่งหรือทำพินัยกรรมมอบตำแหน่ง) ให้แก่เขา” ....
(จากหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 277, กิตาบอัล-หุจญะฮ์, บาบว่าด้วยเรื่องอิหม่ามๆจะรู้ตัวผู้เป็นอิหม่ามหลังจากท่านฯ, หะดีษที่ 5) ...
(จากหนังสือ “อุศูล อัล-กาฟีย์” เล่มที่ 1 หน้า 277, กิตาบอัล-หุจญะฮ์, บาบว่าด้วยเรื่องอิหม่ามๆจะรู้ตัวผู้เป็นอิหม่ามหลังจากท่านฯ, หะดีษที่ 5) ...
ดังนั้น ข้อเขียนในหนังสือ “อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก” หน้า 37 ที่ว่า : เพราะการปรากฏตัวก่อนเวลาอันสมควร จะทำให้ท่านถูกสังหาร ... จึงเป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ขึ้น ....
ลงว่า ถึงขนาดมีมลาอิกะฮ์คอยช่วยเหลืออยู่แล้วตอนจะปรากฏตัวยังงี้, ...... หากไม่อยากตาย ใครๆก็ทำให้ตายไม่ได้ยังงี้, .... และเมื่อยังไม่รู้ตัวผู้สืบทอดตำแหน่งก็ยังตายไม่ได้ยังงี้ ...
ขอถามสักนิดว่า,.. แล้วใครหน้าไหนล่ะ ที่จะสังหารท่านได้ ตราบใดที่ท่านมีมลาอิกะฮ์คอยช่วยเหลือ, ตราบใดที่ท่านยังไม่ต้องการตาย, และตราบใดที่ท่านยังไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอด ? ... และท่านยังจะต้องเกรงกลัวมนุษย์คนไหนในโลกอีกหรือ ? ...
สรุปแล้วก็คือ หากข้อมูลข้างต้นของชีอะฮ์ที่อ้างว่า — เหตุผลที่ท่านมะฮ์ดีย์ของพวกเขาต้องเร้นกายเพราะกลัวถูกฆ่าตาย ---- เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง......ก็แสดงว่าท่านขาดคุณสมบัติของการเป็นอิหม่ามตามหลักเกณฑ์ของชีอะฮ์เอง, ... และจะเป็นอิหม่าม (ผู้นำ) ของโลกมุสลิม, ไม่ว่ามุสลิมกลุ่มซุนนะฮ์หรือกลุ่มชีอะฮ์, ไม่ได้อย่างแน่นอน, ...
ขอถามสักนิดว่า,.. แล้วใครหน้าไหนล่ะ ที่จะสังหารท่านได้ ตราบใดที่ท่านมีมลาอิกะฮ์คอยช่วยเหลือ, ตราบใดที่ท่านยังไม่ต้องการตาย, และตราบใดที่ท่านยังไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอด ? ... และท่านยังจะต้องเกรงกลัวมนุษย์คนไหนในโลกอีกหรือ ? ...
สรุปแล้วก็คือ หากข้อมูลข้างต้นของชีอะฮ์ที่อ้างว่า — เหตุผลที่ท่านมะฮ์ดีย์ของพวกเขาต้องเร้นกายเพราะกลัวถูกฆ่าตาย ---- เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง......ก็แสดงว่าท่านขาดคุณสมบัติของการเป็นอิหม่ามตามหลักเกณฑ์ของชีอะฮ์เอง, ... และจะเป็นอิหม่าม (ผู้นำ) ของโลกมุสลิม, ไม่ว่ามุสลิมกลุ่มซุนนะฮ์หรือกลุ่มชีอะฮ์, ไม่ได้อย่างแน่นอน, ...
คนขี้ขลาด, กลัวตาย, .. อย่าว่าแต่จะเป็นผู้นำของคนทั้งโลกเลย แค่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ลูกบ้านก็เบ้ปากแล้วครับ ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น