โดย .. อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย …
ตอนนี้ในเฟสมีการพูดกันถึงเรื่องซะกาตุลฟิฏริ์หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ซะกาตฟิฏเราะฮ์” กันหนาหู ..
ทำให้ผมนึกถึงเรื่องขำๆเกี่ยวกับเรื่องการรับซะกาตฟิฏเราะฮ์ในอดีตครั้งหนึ่งขึ้นมาได้ ...
ผมขออนุญาตเอ่ยชื่อบุคคลท่านหนึ่งอันมีตำแหน่งเป็นอดีตคอฏีบมัสยิดอุสาสนอิสลาม บ้านบน สงขลา เมื่อ 40 กว่าปีมาแล้ว ...
ใครๆรู้จักท่านในนาม “โต๊ะหมีด” หรือ “หวะหมีด” .. แล้วแต่จะเรียกกัน (ขอพระองค์อัลลอฮ์ โปรดเมตตาต่อท่านด้วย) ...
ผมเรียกท่านว่า หวะหมีด ...
ตอนผมออกจากปอเนาะใหม่ๆมาอยู่กับภรรยาที่สงขลา ท่านกับผมไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่ เพราะท่านเป็นคณะใหม่ ส่วนผมเป็นคณะเก่า ...
ความจริง ก่อนหน้านั้น – สมัยผมยังเป็นนักเรียนปอเนาะ - ผมเคยเจอกับท่านมาก่อนแล้วที่มัสยิดอุสาสนอิสลามนี่แหละ เพราะมีการโต้กันระหว่างคณะใหม่กับคณะเก่าในญัตติเรื่อง “เนื้อกุรฺบ่านให้คนต่างศาสนากินได้หรือไม่ ? ...
ประธานกรรมการอิสลามสงขลาสมัยนั้นได้ส่งหนังสือเชิญบรรดาโต๊ะครูที่อำเภอจะนะให้มาโต้กับหวะหมีดที่กล่าวว่า เนื้อกุรูบ่านให้คนต่างศาสนากินได้ ..
โต๊ะครูของผมท่านไม่มา จึงส่งให้ผมมาแทน .. แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรในวันนั้น เพราะยังเป็นเด็กอยู่ และมีโต๊ะครูอาวุโสหลายท่านทำหน้าที่โต้กับหวะหมีดอยู่แล้ว ...
ตลอดเวลาในการโต้กับพวกโต๊ะครู หวะหมีดอ้างหลักฐานที่ว่าเนื้อกุรูบ่านให้คนต่างศาสนากินได้ก็เพราะ “ท่านนบีย์ไม่ได้ห้าม” ...
จนโต๊ะครูท่านหนึ่ง (ขอพระองค์อัลลอฮ์โปรดอภัยให้ท่านด้วย) อดรนทนไม่ได้ จึงถามหวะหมีดว่า .. ที่อ้างว่าท่านนบีย์ไม่ห้ามน่ะ เคยเห็นท่านนบีย์มาแล้วหรือ ? ...
จำได้ว่า หวะหมีดใช้มือตบพื้นดังผางแล้วกล่าวกับโต๊ะครูท่านนั้นว่า .. อ้าว ทำไมโต๊ะครูถามโง่ๆอย่างนี้ ผมถามโต๊ะครูมั่ง โต๊ะครูเชื่ออัลลอฮ์ไม๊ล่ะ ? ...
ถ้าโต๊ะครูเชื่อ แล้วโต๊ะครูเคยเห็นอัลลอฮ์แล้วเรอะ ? ...
โต๊ะครูท่านนั้นถึงกับนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก ...
อีกหลายปีต่อมา เมื่อเรามีอุดมการณ์ศาสนาตรงกัน และผมเป็นนักบรรยายศาสนา หวะหมีดก็เป็นแฟนคลับคนหนึ่งของผม ...
คราวหนึ่ง ที่ ต.นาทับ ขณะผมนั่งคุยอยู่กับหวะหมีดรอเวลาขึ้นบรรยายต่อจาก อ.ชุอัยบ์ หวะหมีดพูดกับผมว่า .. หมูดเอ๊ย เสียดายที่เรามารู้จักกันช้าไป ถ้าฉันยังหนุ่มกว่านี้ มีหวังได้ลุยกันน่าดูชมเลย ...
หวะหมีดจากไปหลายสิบปีแล้วผมก็ยังไม่เคยลืมท่าน ...
อนุสรณ์ของท่านที่ทิ้งไว้ให้ผม นอกจากการช่วยฝากซื้อหนังสือ “تفسير المراغى” และหนังสือ “السنن والمبتدعات” ให้แล้ว หนังสือของท่านเองอีก 2 เล่มที่มอบให้ผมก่อนตายคือหนังสือ “الام” ของท่านอิหม่ามชาฟิอีย์อันเป็นฉบับพิมพ์เก่าแก่ดั้งเดิมกว่า 50 ปีแล้ว ก็มีหนังสือ “الإبداع” ของท่านอะลีย์ มะห์ฟูศอีกเล่มหนึ่ง ...
เกริ่นเรื่องหวะหมีดไปนาน คราวนี้ขอวกเข้าเรื่อง การรับซะกาตฟิฏเราะฮ์เสียที ...
หวะหมีดเคยเล่าให้ผมฟังว่า ... ครั้งหนึ่ง เคยนำข้าวสารซะกาตฟิฏเราะฮ์ไปมอบให้กับคนยากจนแถวใกล้บ้านคนหนึ่ง ...
คนยากจนคนนั้นทำหน้าตาน่าสงสาร ถามหวะหมีดตรงๆว่า จะให้ผมรับอย่างไรล่ะ ผมรับไม่เป็น ...
หวะหมีดจึงกล่าวห้วนๆ(ประสาคนใต้) กับคนนั้นว่า .
บ้านเอ็งมีเผล้งสาร(ภาชนะใส่ข้าวสารทำด้วยดินเผา)ไหมล่ะ ? ...
เขาตอบว่า .. มีครับ ...
หวะหมีดจึงกล่าวต่อไปว่า .. งั้นเอ็งไปเอาเผล้งสารมา ..
.
เมื่อชายคนนั้นนำเผล้งสารมาให้ หวะหมีดก็ยื่นข้าวสารฟิฏเราะฮ์ให้เขาแล้วสั่งว่า ..
.
เมื่อชายคนนั้นนำเผล้งสารมาให้ หวะหมีดก็ยื่นข้าวสารฟิฏเราะฮ์ให้เขาแล้วสั่งว่า ..
“เอ้า เอ็งเอาข้าวสารนี้เทใส่เผล้งของเอ็งซิ แล้วมันรับยากตรงไหนล่ะ ?” ...
ก็นั่นนะซิ ทำตามที่หวะหมีดว่า ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ...
นิทาน(จริง)เรื่องนี้ ผมมานั่งวิเคราะห์ดูภายหลังก็พอจะสรุปได้ 2 ประการคือ ...
1. แสดงว่า คนยากจนคนนี้ไม่เคยได้รับข้าวสารฟิฏเราะฮ์มาก่อนเลยชั่วชีวิตของเขา
(ส่วนก่อนหน้านั้น ผู้จ่ายซะกาตฟิฏเราะฮ์จะนำซะกาตไปให้ใคร .. หรือทางมัสยิดจะปิดซะกาตฟิฏเราะฮ์เพื่อเอารายได้มาต่อเติมมัสยิดหรืออย่างไร ผมไม่ทราบ) ...
2. เขาเข้าใจ(ตามประสาชาวบ้านทั่วไป)ว่า การรับซะกาตฟิฏเราะฮ์จะต้องมี “พิธีรีตอง” ที่ยุ่งยากซึ่ง “ผู้รู้” หรือ “โต๊ะอิหม่าม, โต๊ะคอเต็บ, โต๊ะบิลาล” เท่านั้นที่ทำได้ และมีดุอาที่ “วายิบ” จะต้องอ่านซึ่งชาวบ้านธรรมดาๆอ่านและทำไม่เป็น ...
จบครับ ....
ปราโมทย์ ศรีอุทัย
2/6/62
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น