อารัมภบทของอาจารย์ปราโมทย์

พี่น้องที่เคารพครับ .. ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ของปัญหาที่ถูกถามมาเป็นปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาคิลาฟียะฮ์ เพราะฉะนั้น ในการตอบปัญหาดังกล่าว หากปัญหาใดไม่สำคัญมากนัก ผมก็จะตอบแบบสรุปตามทัศนะที่มีน้ำหนักด้านหลักฐานมากที่สุดสำหรับผมโดยไม่ได้นำมุมมองด้านตรงข้ามมาด้วย แต่หากปัญหาใดจำเป็นต้องมีการชี้แจง ผมก็จะนำหลักฐาน(และการวิเคราะห์)รายละเอียดทั้งสองด้าน ประกอบในคำตอบด้วย และขอเรียนว่า

(1). คำตอบของผมแทบทั้งหมดไม่ใช่เป็นการอธิบายหะดีษหรืออัล-กุรฺอานเอาเองอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะมีที่มาจากอิหม่ามทั้ง 4 ท่านที่โลกอิสลามยอมรับและนักวิชาการระดับโลกท่านอื่นๆด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่บางครั้งผมมิได้อ้างนามพวกท่านในการตอบก็เพื่อประหยัดเวลาในการเขียนเท่านั้น

(2). คำตอบของผมในปัญหาใด ไม่ถือว่าเป็น "ข้อชี้ขาด" ความขัดแย้งในปัญหานั้น แต่เป็นการตอบตามการมองหลักฐานว่ามีน้ำหนักที่สุดในมุมมองของผม ซึ่งมุมมองของผมอาจจะผิดพลาดก็ได้ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งในเรื่องนี้ ...

อ.ปราโมทย์ (มะหมูด) ศรีอุทัย


ติดต่ออาจารย์ปราโมทย์โดยตรงได้ที่

1. 1/22 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ม. 5 ต. นาเคียน อ. เมือง จ. นคร ศรีธรรมราช รหัส 80000

2. เบอร์โทรศัพท์ 086-6859660

3. Facebook

4. เว็บไซต์

5.อีเมล
pramote.sriutai2559@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เรื่องของวาทกรรม .. ทางเลือกระหว่างดอกไม้กับก้อนอิฐ



โดย .. อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย …

เรื่องของวาทกรรม (แกล้งพูดให้มันฟังดูโก้ๆไปงั้นเอง ความจริงก็คือ “คำพูด” นั่นแหละ) เป็นเรื่องของดาบสองคม ...
พูด “เรื่องเดียวกัน” แต่ใช้วาทกรรมหรือคำพูดต่างกัน ความรู้สึกของผู้รับฟังอาจแตกต่างกัน ..
สิ่งที่สะท้อนกลับมาจากผู้ฟังจึงอาจจะเป็นดอกไม้ก็ได้, เป็นก้อนอิฐก็ได้ ...
อย่างเมื่อไม่นานมานี้ นักวิชาการบางท่านพูดถึงอูละมาอฺ ..
ไม่มีใครปฏิเสธว่า สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ...
แต่ “วาทกรรม” ที่ท่านใช้พาดพิงถึงอูละมาอฺ ผู้ฟังรับไม่ได้ เพราะมันมีลักษณะเหมือนกับจะไม่ให้เกียรติอูละมาอฺ หรือเหมือนกับจะยกตนข่มท่านเกินไป (แม้คำพูดนั้นจะถูกต้องก็ตาม) ...
สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาผู้พูด จึงเป็น “ก้อนอิฐ” ล้วนๆ ...
สมมุติถ้าผู้พูดจะใช้วาทกรรมอย่างอื่นที่นิ่มนวลกว่านี้กล่าวถึงอูละมาอฺหรือนักวิชาการ .. เช่นกล่าวว่า .. อูละมาอฺก็เป็นปุถุชน ย่อมมีผิดพลาดได้ .. อะไรทำนองนี้ อันมีความหมายเดียวกัน ...
กระแสสะท้อนกลับอาจไม่รุนแรงอย่างที่เห็น ...
การเลือกใช้วาทกรรมที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ...
ผมมีตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นคำพูดที่ส่งผลต่อความแตกต่างของความรู้สึกผู้ฟังในเรื่องเดียวกัน 3 เรื่องครับ ...
เรื่องที่หนึ่ง สามีจะเดินทางไปต่างจังหวัด จึงเข้ามาหอมแก้มแล้วบอกกับภรรยา (ซึ่งคงเพิ่งแต่งงานกันหมาดๆ)ว่า ...
“ผมไปต่างจังหวัด 7 วันนะที่รัก” ...
ถ้าภรรยาทำหน้าปรอยเศร้าแล้วกล่าวว่า .. “แหม พี่ไปตั้ง 7 วันเชียวเหรอ ?” ...
แสดงว่า “7 วัน” ในความรู้สึกของภรรยา มัน “นาน” เกินไปใช่ไหมครับ ...
แต่ถ้าภรรยากล่าวว่า “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ ที่รัก แค่ 7 วันเอง” ..
อย่างนี้ แสดงว่า “7 วัน” ในความรู้สึกของภรรยา มันเป็นเวลา “สั้นๆ” มิใช่หรือครับ ...
เรื่องที่สอง สมมุติมีใครสักคนแสดงคำพูดเชิงอวิชา .. คือไม่ยอมเข้าใจคำพูดบางอย่างของเราจนเราทนไม่ไหว จึงกล่าวตำหนิเขาว่า ..
“ก็คุณ “ญาเฮ้ล” นี่” ...
กับถ้าเราใช้คำพูดกับเขาว่า ...
“ก็คุณ “ไม่รู้เรื่อง” นี่” ...
เชื่อไหมครับว่า ผู้ที่ถูกตำหนิด้วยคำว่า “ญาเฮ้ล” จะรู้สึกเจ็บปวดกว่าถูกตำหนิด้วยคำว่า “ไม่รู้” หลายเท่า ...
ทั้งๆที่คำว่า “ญาเฮ้ล” กับคำว่า “ไม่รู้” ความหมายก็ครือกันนั่นแหละ ..
เรื่องที่สาม มีเรื่องเล่าว่า ...
พระราชาองค์หนึ่ง รับสั่งให้โหรหลวงเข้าเฝ้า แล้วให้ทำนายทายทักดวงชะตาราศรีของพระองค์และลูกหลานของพระองค์ดู ...
โหรหลวงตรวจดูเลขผานาทีในกระดานชนวนแล้วก็กราบทูลว่า ...
“ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์ตรวจดูดวงชะตาแล้ว ขอเรียนทูลว่า ลูกหลานของพระองค์จะอายุสั้น ตายก่อนพระองค์ทุกคนพะยะค่ะ” ..
“อ้าว ไอ้ขบถ” พระราชาทรงพระพิโรธจนพระหนวดทรงพระกระดิก “เอ็งแช่งลูกหลานข้านี่หว่า เฮ้ย ทหาร เอาไอ้ขบถนี่ไปตัดหัว” ...
พระราชายังขุ่นพระทัยและติดใจไม่หาย จึงรับสั่งให้โหรมือรอง(เรียกถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้) เข้ามาตรวจดูอีกคน ...
โหรคนที่สองตรวจดูแล้ว ผลการทำนายก็ออกมาเหมือนโหรคนแรกทุกประการ เพียงแต่จะกราบทูลยังไงถึงจะหัวไม่ขาด ดังตัวอย่างมีให้เห็นตำตาแล้ว ...
คิดอยู่นาน ในที่สุดโหรที่สองก็กลั้นใจทูลว่า ...
“ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์ตรวจดูดวงชะตาแล้ว ขอเรียนทูลว่า พระองค์จะมีพระชนมายุยืนนานกว่าลูกหลานทุกคนพะยะค่ะ” ...
“เออดี เอ็งให้พรข้านี่หว่า .. เฮ้ย เสนา ไปเอาเงินในท้องพระคลัง 100 ชั่งมามอบให้เจ้านี่เร็ว” ...
ท่านผู้อ่านลองคิดดูซิครับว่า คำทูลของโหรคนแรกที่ว่า “ลูกหลานของพระองค์จะอายุสั้น ตายก่อนพระองค์ทุกคน” .. กับคำทูลของโหรคนหลังที่ว่า .. “พระองค์จะมีพระชนมายุยืนนานกว่าลูกหลานทุกคน” ...
มันมีความหมายเดียวกันมิใช่หรือครับ ? ..
แต่ผลที่ได้รับ กลับต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ...
ขอยืนยันว่าผมเขียนเรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาตำหนิผู้ใด แต่ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจทุกท่านว่า ก่อนจะพูดเชิงวาทกรรมใดๆออกไป – แม้จะเป็นเรื่องถูกต้อง – ก็จงใคร่ครวญให้รอบคอบเสียก่อนว่าควรจะพูดอย่างไร, ใช้วาทกรรมแบบไหน จึงจะเหมาะสมหรือไม่ถูกตำหนิ ...
เว้นแต่ถ้าใครชอบก้อนอิฐมากกว่าดอกไม้ ก็ช่วยไม่ได้ครับ …

ปราโมทย์ ศรีอุทัย ...
3/6/62






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น